“เดอะนาคา ภูเก็ต”
— เรียบง่ายดีไซน์หรู (พูลวิลล่าที่ฝันถึง) —
วันนี้อยากชวนไปเที่ยวรีสอร์ทที่ผมแอบหลงรักมานานครับ เป็นการทิ้งทวนปิดเทอมใหญ่หัวใจว้าวุ่นเมื่อช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยเราจะไปพักกันที่ “เดอะนาคา ภูเก็ต (The Naka Phuket)” — http://www.thenakaphuket.com — ซึ่งตั้งอยู่บนหาดกมลากันครับ
สำหรับ “เดอะนาคา ภูเก็ต” ผมอยากพักตั้งแต่เห็นครั้งแรกในหน้าโฆษณาของหนังสือท่องเที่ยว รู้สึกว่าตอนนั้นยังสร้างไม่เสร็จเลยด้วยซ้ำ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็น Travel+Leisure เป็นรูปที่เห็นห้องพักเป็นกล่องยื่นลอยออกไปในอากาศ แล้วก็เดาไม่ผิดเมื่อเห็นเครดิตสถาปนิกผู้ออกแบบเป็น “คุณดวงฤทธิ์ บุนนาค” ซึ่งผมชื่นชอบผลงานและแอบเป็นแฟนคลับตั้งแต่สมัยไปพักที่ “X2 Kuiburi” หากใครชื่นชอบงานออกแบบเรียบง่ายมีสไตล์แนวนี้ ตามไปเที่ยวด้วยกันเลยดีกว่าครับ
ทริปนี้เดินทางไปกับ “ณเดช” บินตรงจากเชียงใหม่ไปภูเก็ตได้เลย มีไฟล์ทตรงไม่ต้องเสียเวลาต่อเครื่องที่กรุงเทพ มีให้บริการสามเที่ยวต่อวัน กรณีที่ไปเที่ยวภูเก็ตผมเอาเที่ยวเช้าสุดจะได้มีเวลาเที่ยวนานๆ ถึงที่พักเร็วจะได้ใช้เวลาอยู่ในรีสอร์ทให้คุ้มค่า แต่ถ้าใครมาเที่ยวเชียงใหม่ก็เลือกรอบสุดท้ายตอนขากลับดีกว่าครับ
รายละเอียดเที่ยวบิน :
FD 3160 : CNX-HKT / 1135-1335 — Duration : 2h 0m
FD 3162 : CNX-HKT / 1310-1515 — Duration : 2h 5m
FD 3168 : CNX-HKT / 2245-0050 (+1) — Duration : 2h 5m
ปกติผมเป็นคนที่มาถึงสนามบินช้ามาก (โดนกวางน้อยดุประจำ) ก็เลยมักจะฉุกละหุกเวลาเช็คอิน บางทีเวลาเจอคิวยาวๆ นี่เหงื่อตกเลยเพราะกลัวขึ้นเครื่องไม่ทัน วันนั้นเห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติใช้บริการตู้ “Self Check-in” ครับ ท่าทางสะดวกดี เห็นทำรายการไม่นานก็เสร็จ แล้วก็เอากระเป๋ามาโหลดขึ้นเครื่องในแถวที่สั้นกว่าด้วย เดี๋ยวยังไงรอบหน้าว่าจะไปศึกษาดีๆ แล้วมาเล่าให้ฟังครับ

เครื่องจะออกแล้วครับ ทริปนี้จะใช้เวลาบินประมาณ 2 ชั่วโมง
เครื่องขึ้นจากเชียงใหม่ไม่นาน มองออกไปเห็นแนวทิวเขาขุนตาน
ประมาณสิบนาทีพอเครื่องได้ระดับ พนักงานก็จะเริ่มเสิร์ฟอาหาร เที่ยวบินที่เราเลือกจะตรงกับมื้อเที่ยงพอดี จะหิ้วท้องไปรอภูเก็ตก็ไม่ไหว เพราะบินยาวประมาณ 2 ชั่วโมง ก็เลยสั่ง “ข้าวมันไก่ย่าง (Uncle Chin’s Chicken Rice)” รับประกันความอร่อยโดย “สีฟ้า” ร้านโปรดประจำครอบครัว
ปิดท้ายด้วยของหวาน “Yamanachi Mochi” โมจิใสหยดน้ำราดด้วยน้ำเชื่อม
มองจากเครื่องบินลงมาบนเส้นทางจากเชียงใหม่ไปภูเก็ต อากาศค่อนข้างดีตลอดทางเลย ที่เห็นนี่เป็นช่วงบินอยู่เหนือบริเวณ “อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร”
มองลงไปด้านล่างทะเลสวยเลยครับ
เป็นเหตุผลหลักที่เลือกนั่งริมหน้าต่างฟากซ้ายครับ “เขื่อนเชี่ยวหลาน” หรือ “เขื่อนรัชชประภา” บริเวณ “อุทยานแห่งชาติเขาสก” เห็นวิวอย่างนี้แสดงว่าใกล้ถึงภูเก็ตแล้วครับ
จากสนามบินก็ใช้เวลาประมาณชั่วโมงนึงก็จะถึงที่พัก “เดอะนาคา ภูเก็ต” ซึ่งตั้งอยู่แถวหาดกมลาครับ รอบนี้มีของพิเศษต้อนรับรออยู่ที่ห้องพักด้วย // คืนนี้ยาวแน่นอน
มาสำรวจกันครับ เริ่มจากห้องน้ำเป็นอันดับแรก – ลุยจากโซนนี้ก่อนที่ลูกชายจะทำรก – ห้องน้ำกว้างขวางมากครับ มีอ่างล้างหน้าสองอันไม่ต้องแย่งกับกวางน้อย
ป.ล. ขอบคุณทาง “เดอะนาคา ภูเก็ต” มา ณ ที่นี้ด้วยครับ
ห้องอาบน้ำชอบเลย (น้ำแรงดี) ออกแบบเรียบง่ายตามสไตล์สถาปนิกท่านนี้ครับ
สบู่และแชมพูหอมมากของ “Molten Brown”
สำหรับคนชอบนอนแช่น้ำมีอ่างให้ด้านนอก แต่มานี่ผมแทบไม่ได้แตะเลยครับ
“ห้องนั่งเล่น” เปิดเข้าห้องพักก็เจอเลย โดยตัวห้องพักจะออกแบบเป็นกล่องทรงสี่เหลี่ยมยาวๆ ด้านในเป็นห้องน้ำ ตรงกลางเป็นห้องรับแขก และก็ปลายสุดเป็นห้องนอน รอบทิศออกแบบเป็นกระจกใสให้มองเห็นวิวทุกด้าน แต่ว่าตอนกลางคืนถ้าลืมรูดม่านได้แจ้งเกิดแน่นอนครับ — ตอนกลางคืนออกไปทานข้าว มองย้อนมานี่เห็นยิ่งกว่าชัดอีกครับ
มุมทำงานเล็กๆ ในห้องเป็นทีวีจอแบน นั่งเปิดแอร์เย็นๆ ดูทีวีบนโซฟาชิวมากครับ หากมากับเพื่อน กรณีที่เกินมาคนนึง ก็สามารถให้มาปูที่นอนตรงนี้ได้ — มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมครับ — แต่ส่วนมากมากับคู่รักเสียมากกว่า
ส่วนปลายของห้องที่ออกแบบเป็นกล่องสี่เหลี่ยมจะเป็นห้องนอนครับ ถือเป็นไฮไลท์ของรีสอร์ทแห่งนี้ ซึ่งจะมีห้องนอนยื่นลอยไปในอากาศ
เป็นงานออกแบบของ “คุณดวงฤทธิ์ บุนนาค” สถาปนิกระดับแถวหน้าของเมืองไทย เนื่องด้วยพื้นที่ของรีสอร์ทนั้นเป็นภูเขา สถาปนิกจึงตีโจทย์ที่ท้าทายว่าจะสร้างบนพื้นที่แบบนี้ได้อย่างไร การออกแบบส่วนห้องพักจึงมีลักษณะเป็นกล่องยื่นลอยออกมาแบบ “Cantilever” มีโครงสร้างคานเหล็กรับน้ำหนักแบบไม่มีเสาค้ำ ทำให้แขกที่พักรู้สึกเหมือนนอนลอยอยู่ในอากาศ แอบชอบมานาน
สำหรับงานออกแบบของที่นี่ ได้รับรางวัลชนะเลิศ “สถาปัตยกรรมยอดเยี่ยมแห่งปี (Best Building of the Year)” จากเวทีสถาปนิกเอเชีย “ARCASIA 2015” ด้วยครับ
สระว่ายน้ำขนาดพอเหมาะให้ว่ายได้สุดสระออกกำลังได้ครับ ไม่มีส่วนสำหรับเด็ก มีเพียงให้ยืนได้ตลอดแนวยาวทางลงสระที่เป็นบันได เด็กพอยืนได้แต่ต้องอยู่ในความดูแลผู้ใหญ่ครับ
มองย้อนขึ้นไปห้องด้านบนครับ
จากระเบียงห้องพัก มองลงไปจะเห็นห้องอาหารหลัก “The Wiwa” ซึ่งให้บริการตลอดทั้งวันรวมถึงอาหารเช้า อยู่ใกล้ห้องพักเลย ถ้าใครชอบตอนจองห้องก็ลองขอบริเวณนี้นะครับ เพราะสามารถเดินได้สะดวกกว่าห้องโซนด้านบน รวมถึงไม่ไกลจากสระใหญ่ในกรณีที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศจากห้องพัก ตรงนี้เห็นวิวทะเลใกล้หน่อยครับ — โดยรวมเท่าที่ดูผมว่าน่าจะเห็นทะเลทุกห้อง เพราะสร้างอยู่บนเนินเขาลดหลั่นกันลงมา
มื้อค่ำเราทานกันห้องนี้ครับ ข้อเสียอย่างนึงเลย คือ ห้องอาหารไม่ได้ติดแอร์แล้วร้อนมากกกก…ก (ก.ไก่ ล้านตัว) โดยเฉพาะช่วงหน้าร้อนที่ผมไปนี่โหดร้ายสุดๆ แบบว่าเหงื่อไหลเป็นน้ำกันเลยทีเดียว ขนาดมีพัดลมไอน้ำมาจ่อข้างโต๊ะยังเอาไม่ค่อยอยู่ อันนี้ไม่แน่ใจว่าช่วงที่พ้นหน้าร้อนไปจะเป็นดีขึ้นรึเปล่านะครับ
อากาศร้อนอาจเป็นสาเหตุให้แขกมากินไม่มาก ส่วนนึงอาจสั่งไปทานในห้องเปิดแอร์เย็นฉ่ำดีกว่า แต่ผมว่าเห็นคนสั่งกันเยอะเหมือนกัน (ดูจากที่พนักงานเขาเตรียมเอาไปส่ง) ไม่อยากคิดเลยว่ากว่าจะได้ทานคงได้หิ้งทองรอกันนาน ดังนั้นมานั่งทานที่ห้องอาหารน่าจะได้เร็วกว่า
ต้นปาล์มบริเวณสระว่ายน้ำด้านหน้าห้องอาหารครับ
ช่วงเช้าเห็นไม่ค่อยมีคนเลยเข้ามาสำรวจห้องน้ำด้านล่างห้องอาหาร เรียบง่ายดีงามตามสไตล์ครับ ตรงนี้มีแอร์ด้วย ตอนกินข้าวแล้วทนร้อนไม่ไหว ก็หนีมาแช่แอร์แถวนี้แทนได้เลย เย็นฉ่ำจนไม่อยากไปไหน
อันนี้บริเวณทางขึ้นห้องครับ ผมพักที่ “SE 17/3” — มาจาก “Southeast” โซนตะวันออกเฉียงใต้ หรือแถบด้านขวาเมื่อมองจาก “Lobby” ด้านบนลงมา — เริ่ดหรูดีงามเห็นวิวสวย และก็เดินน้อยกว่าอีกหลายๆ ห้อง ถึงกระนั้นก็ตาม ที่ผมบอกว่าเดินน้อย ก็ไม่ได้หมายความว่าสบายสักเท่าไหร่ กว่าจะเดินถึงห้องก็ขาสั่นเหมือนกัน ทั้งนี้เพราะตัวโรงแรมสร้างบนเนินเขา ห้องต่างๆ จึกออกแบบให้เทยื่นออกมาจากบริเวณลาดเอียงของสันเขา ส่วนตัวคิดว่าไม่ค่อยเหมาะกับเด็กเล็กและคนแก่นัก (แต่ก็เห็นมีคนพาครอบครัวพร้อมผู้สูงอายุมาเหมือนกัน) ทางเดินนี่ต้องระวังเหมือนกัน เพราะพื้นปูนเวลามีขั้นบันไดโผล่มาเล็กๆ มองไม่เห้นเหมือนกัน ลูกผมจับกบไปทีนึงครับ มองในด้านดี สำหรับวัยหนุ่มสาวถือว่าเป็นการออกกำลังไปในตัว
เผลอนิดเดียวเป็นมื้อเที่ยงแล้วครับ ตอนเช้าไม่ค่อยได้ทำอะไร เอาลูกไปเล่น Kid’s Club จนไม่ยอมกลับ ของเล่นมีพอสมควรเลย มีเบาะนุ่มๆ ให้พ่อกับแม่ไปนอนรอจนแทบหลับ หรือใครอยากเล่น Play Station ระหว่างรอก็ได้เหมือนกัน
ตอนเที่ยงขึ้นไปสำรวจวิวจากห้องอาหารด้านบน “The Meka : Sky Lounge” ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่สวยและสูงสุดในรีสอร์ท สามารถมองเห็นทุกอย่างจากตรงนี้ บางครั้งก็ใช้เป็นที่จัดงานแต่งงาน โซนนี้จะเป็นตึกสูงๆ ชั้นบนสุดเป็นร้านอาหาร ถัดลงมาก็เป็นสปา (อันนี้ไม่มีโอกาสเข้าไปดู) ส่วนด้านล่างก็จะเป็นห้องพักแบบ Suite ซึ่งไม่มีสระว่ายน้ำ เท่าที่คุยกับพนักงาน แขกที่พักตรงนี้ขออัพเกรดไปอยู่ Pool Villa ตลอดครับ
ป.ล. บางคนก็เข้าใจว่า “The Naka Phuket” มีแต่พูลวิลล่าทั้งหมด (รวมถึงผมด้วย) พึ่งมาทราบว่ามีห้องพักธรรมดา แต่ก็มีเพียงไม่กี่ห้องเท่านั้นครับ ส่วนตัวคิดว่าถ้ามาพักที่นี่คงต้องแบบพูลวิลล่าเท่านั้น ถ้าไม่พักแบบมีสระก็จะไม่ต่างจากที่อื่นเท่าไหร่
หลายคนอาจสงสัยว่าผมถ่ายอะไรมา หากพักที่ “เดอะนาคา ภูเก็ต” ทุกคนต้องทำความรู้จักกับเสานี้ก่อนครับ มันเหมือนเป็นป้ายรถเมล์ภายในรีสอร์ท อารมณ์ประมาณว่าจะช่วยประหยัดพลังงานไปเยอะ เห็นเสานี้ตรงไหนเดินไปกดปุ่มเรียก “ตุ๊กตุ๊ก” มารับไปส่งได้ทุกแห่ง (ภายใน 5 นาที) เขาจะมีกล้องติดอยู่ด้วย บางทีผมกดจนเกรงใจพนักงานที่มารับเลย เพราะเดินทางไปแต่ละที่โหดมาก โดยเฉพาะเวลาจะขึ้นไปชมวิวด้านบน “The Meka” แต่อย่าเกรงใจเลย ได้คุยกับพนักงานแล้วมันเป็นเรื่องจำเป็นมากจริงๆ แต่ในบางครั้งเวลาช่วงเร่งรีบต้องเผื่อเวลาไว้เกิน 5 นาที เนื่องจากรถและพนักงานที่ให้บริการก็มีจำกัดเช่นกัน
มุมนี้จะเห็นเลยว่าแต่ละวิลล่าจะสร้างติดๆ กันไปหมด แต่ก็ค่อนข้างแยกเป็นสัดส่วน เพียงบางครั้งก็อาจต้องปิดผ้าม่านด้านข้างเหมือนกัน เพราะทุกห้องนี่เป็นกระจกหมดครับ แต่สำหรับผมถ้าไม่มีแขกพักห้องติดกันก็เปิดผ้าม่านโล่งหมดเลย ยกเว้นตอนกลางคืนที่ต้องปิดไว้เพื่อความเป็นส่วนตัว
สำหรับวิลล่าที่ผมถ่ายมานี้จะอยู่โซนด้านซ้ายมือของรีสอร์ทเมื่อมองจากบน Lobby ลงมา บริเวณนี้บันไดสูงชันหากขึ้นมาจากร้านอาหารด้านล่างครับ แต่บางห้องก็สามารถนำรถมาส่งจากด้านบนข้างหลังได้ ถ้าอยากดูพระอาทิตย์ตกแนะนำฟากนี้ครับ เพราะโซนที่ผมพักจะมีภูเขาบังด้านหลัง
ป.ล. ห้องแบบ 2 และ 3 ห้องนอนก็อยู่ฟากนี้เช่นกัน สามารถเห็นพระอาทิตย์ตกสวยกว่าใคร
ห้องนอนบางห้องก็ยื่นลอยมาบนถนนเลยครับ
“Lobby” จะอยู่ข้างบนสุดครับ ตรงกลางสำหรับเช็คอิน แต่ช่วงที่แขกเข้ามาพร้อมกันก็รอนานนิดหน่อย ก็เลยถือโอกาสถ่ายรูปและชมวิวจากข้างบนได้ ช่องหน้าต่างด้านล่างซ้ายมือที่เห็นจะเป็นห้องรับรองแขก ซึ่งต้องเดินบันไดลงมาข้างล่างเพื่อเช็คเอาท์ แล้วภายในห้องก็มีเก้าอี้และก็ขนมและอาหารเบาๆ พร้อมเครื่องดื่มไว้รับรอง เหมาะสำหรับแขกโดยเฉพาะต่างชาติที่อาจรอเที่ยวบินกลับรอบดึก
ทางเข้าและบริเวณส่วนต้อนรับเวลาแขกเข้ามา ออกแบบได้ยิ่งใหญ่อลังดีครับ
ห้องอาหาร “The Wiwa” ช่วงหัวค่ำ ฝนกำลังจะตกมีฟ้าแลบด้านหลังเป็นระยะ
มื้อค่ำส่งท้ายครับ อยู่มาสองคืนทานข้างในตลอดไม่ได้ออกไปไหน
เช้าวันรุ่งขึ้นครับ แหกขี้ตาลุกมาตั้งแต่ตีห้า
ชอบบรรยากาศตอนเช้าเวลาไม่มีคน เห็นน้ำนิ่งๆ อยากโดดไปเล่นมาก ด้านหลังมองไกลๆ จะเห็นอาคารสูงที่แปลกแยก ชั้นบนเป็นที่ตั้งของห้องอาหาร “The Meka” ที่มีจุดชมวิวสวยมาก เมื่อวานก็ได้ภาพสวยๆ หลายใบมองจากข้างบนลงมา เสียดายแขกเยอะก็เลยไม่ได้เก็บภาพกลับมาเท่าไหร่ ส่วนตัวชอบห้องอาหารข้างล่างมากกว่า ข้างบนเหมาะสำหรับนั่งดื่มและก็ชมวิวเป็นอย่างมากครับ
ตอนสายๆ กับเย็นจะมีแขกมานอนจองพื้นที่กันครับ ช่วงเที่ยงแดดร้อนนี่หายเข้าร่มกันหมด
ห้องอาหารจากด้านข้างครับ
ไลน์อาหารเช้าครับ ส่วนตัวผมว่าโอเลย มีแซลมอนรมควันแล้วก็พวกอาหารพื้นเมือง เช่น แกงเผ็ดต่างๆ ทานกับขนมจีน นอกจากนี้ก็มีซุ้มไข่และก็ก๋วยเตี๋ยว — อันนี้คิดว่าอาจมีการปรับเปลี่ยนตามวันและฤดูกาลครับ

ทานข้าวเสร็จกลับมาลงสระใหญ่สักหน่อย มีพื้นที่ส่วนตื้นที่เด็กเล็กสัก 6-7 ขวบ พอเล่นได้อยู่ฝั่งซ้าย แต่ผมก็ต้องคอยดูลูกใกล้ๆ กลัวเล่นเพลินเลยไปตรงที่ลึกจะอันตรายเพราะยังว่ายเองไม่แข็งเท่าไหร่ครับ
ปิดท้าย “เดอะนาคา ภูเก็ต” กันตรงนี้เลยครับ ผมว่าทะเลที่นี่สวยทีเดียว มองจากห้องลงมานี่น้ำใสมาก เสียดายที่พอน้ำลดแล้วเป็นหินแทนที่จะเป็นหาดทรายเลยเดินไม่สนุก แต่ก็มีข้อดีตรงที่เป็นหาดส่วนตัวคนนอกเข้ามาไม่ได้เลยเพราะมีโขดหินบัง ในช่วงที่นอกฤดูมรสุมทางรีสอร์ทจะมีทุ่นทางเดินยื่นลอยไปในทะเลให้แขกไปเล่นน้ำได้ มีชุด Snorkle พร้อมชูชีพให้ด้วย เคยเห็นคนดำน้ำตรงปลายทุ่นถ่ายรูปปะการังใต้น้ำมาสวยจริงๆ ถ้ามาก่อนทางรีสอร์ทเอาทุ่นออกคงจะดี อุตส่าห์เตรียมกล้องถ่ายใต้น้ำมาแล้ว สุดท้ายมาถึงทุ่นหายก็เลยเงิบไปตามกันครับ
สำหรับผม “เดอะนาคา ภูเก็ต” ก็ไม่ทำให้ผิดหวังเลยครับ โดยเฉพาะงานออกแบบ รวมไปถึงเป็นที่พักที่แอบฝันไว้มานานตั้งแต่เห็นครั้งแรกในนิตยสารท่องเที่ยว ถ้าจำไม่ผิดเห็นลงโฆษณาใน Travel+Leisure ตั้งแต่ตอนยังสร้างไม่เสร็จเลยครับ
ห้องพักนอกจากมีดีไซน์หรูเรียบง่าย แต่ก็อยู่สบายและก็ดูไม่ดิบจนเกินไป ห้องพักกว้างขวางแยกสัดส่วนชัดเจน ห้องพักเห็นวิวชัดเจนมองเห็นรอบทิศแบบพาโน พร้อมมีหาดส่วนตัวด้วยพ่วงจุดดำน้ำชมปะการังเพียงแค่เอื้อม
ในข้อดีก็ยังมีข้อเสียเช่นกัน เป็นโรงแรมที่ไม่ค่อยแนะนำสำหรับผู้สูงอายุ เพราะไม่สะดวกอย่างยิ่งเวลาเดินขึ้นเนินหรือบันไดที่เป็นเรื่องปกติสำหรับรีสอร์ทแห่งนี้ อากาศร้อนมากโดยเฉพาะห้องอาหารที่อยากได้แอร์เป็นอย่างยิ่ง และก็รถรับส่งในบริเวณรีสอร์ทบางครั้งมารับไม่ทันใจวัยรุ่น ช่วงเร่งรีบนี่อาจยืนตบยุงรอนานเล็กน้อยครับ
สรุปข้อดีและเสียคร่าวๆ ในมุมมองที่ผมไปสัมผัสมาก็ประมาณนี้ล่ะครับ อาจมีสรุปขาดตกบกพร่องไปบ้าง แต่โดยรวมผมค่อนข้างประทับใจ และถ้ามีโอกาสก็อยากกลับมาอีกครั้งแน่นอน ยังไงก็ตามเพื่อประกอบการตัดสินใจเพิ่มเติม แนะนำว่าลองไปเช็คดูจากเว็บที่นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติมารีวิวประกอบด้วยจะดีมากครับ เช่น TripAdvisor เป็นต้น
สุดท้ายขอบคุณทุกคนที่แวะมาอ่านหรือทักทายกันครับ ขอขอบคุณเป็นพิเศษ “Thai AirAsia” บินตรงจากเชียงใหม่วันละ 3 เที่ยว และขอบคุณอย่างเป็นทางการสำหรับ “เดอะนาคา ภูเก็ต” ด้วยครับ
เจอกันตอนหน้าเร็วนี้แน่นอนครับ
(พื้นที่โฆษณา) ขอฝากไว้ในอ้อมใจด้วยนะครับ :
FB : http://www.facebook.com/oatenroute
Instagram : http://www.instagram.com/oatenroute
เชิญชมภาพใน Gallery ด้านล่างครับ
One thought on ““The Naka Phuket” ~ Sleeping in a Cantilever Glass-Built Villa”