“Sri panwa” 3rd Time — Episode II : Oasis of Calm “The Habita” · Luxury in Harmony with Nature

“ศรีพันวา”
— เอพิโซด 2 : สัมผัสแห่งความสงบ “เดอะฮาบิต้า” ∙ ความหรูหราที่กลมกลืนธรรมชาติ 

“The Habita (เดอะฮาบิต้า)” เป็นโซนที่เน้นความสงบและแวดล้อมไปด้วยธรรมชาติ ห้องพักเป็นแบบ Pool Suite (พูลสวีท) 20 ห้อง และ Penthouse (เพนท์เฮาส์) อีก 10 ห้อง โดยทุกห้องมาพร้อมกับสระว่ายน้ำส่วนตัว ตั้งอยู่บริเวณเนินเขาด้านล่าง ออกแบบร่วมสมัยสไตล์เขตร้อน (Tropical Contemporary) อยู่ท่ามกลางแมกไม้ด้วยบรรยากาศที่เป็นส่วนตัว เงียบสงบ และหรูหรา หันหน้าออกไปชมวิวหมู่เกาะทะเลอันดามันฝั่งทิศตะวันตก ช่วงเย็นจะเห็นพระอาทิตย์ตกที่งดงามมากได้จากระเบียงห้องพัก

สำหรับโซนนี้เปิดได้สักพักแล้วครับ แอบชอบมานานตั้งแต่เห็นดีไซน์ของตัวอาคารตอนเปิดตัวแรกๆ แต่พึ่งมีโอกาสได้มาลองพักเป็นครั้งแรก หลังจากที่มาเยือน “ศรีพันวา” เป็นครั้งที่สาม มาทริปนี้ได้สานฝันสักที ถือว่ามาพักควบกับโซนเปิดใหม่ “Yaya (ย่าหยา)” ในตอนก่อนหน้า โดยจะไปพักในห้อง “เพนท์เฮาส์” เป็นเวลาสองคืน ซึ่งต้องเช็คเอาท์ที่เก่าก่อนเพื่อเช็คอินย้ายห้องนอน ส่วนกระเป๋าเก็บเสร็จแล้วพนักงานก็จะจัดส่งตามไป ว่าแล้วตามไปชมกันเลยดีกว่าครับ

“เดอะฮาบิต้า” จะอยู่ไม่ไกลมาก จากโซน “ย่าหยา” นั่งรถ Shuttle ของโรงแรมเพียงไม่ถึง 5 นาที เท่านั้นเอง จะเป็นทางเล็กๆ ลัดเลาะเหมือนเส้นทางลับที่ร่มรื่น ไม่สามารถขับรถไปเนื่องจากทางแคบมาก และไม่มีพื้นที่สำหรับลานจอดรถ ดังนั้นยกหน้าที่ขับให้เจ้าของพื้นที่ผู้เชี่ยวชาญเส้นทางจะดีที่สุด

OAT_8608

เดินเข้ามาจะเป็นโถงเพดานสูงที่หลังคาที่เป็นรูปทรงโค้งเรียว ซึ่งถ้าสังเกตดูให้ดีจะเห็นว่ามีลักษณะเหมือนใบไม้ ซึ่งเป็นแนวคิดให้สถาปนิกออกแบบนั่นเอง ตั้งใจให้ที่พักกลมกลืนไปกับธรรมชาติรายล้อมไปด้วยแมกไม้และสวนต้นไม้ขนาดใหญ่ เน้นให้แขกที่มาพักรู้สึกผ่อนคลาย สัมผัสถึงความเงียบสงบเมื่อได้มาพักร้อน

OAT_8604

สำหรับคืนนี้จะพักกันที่ห้อง “เพนท์เฮาส์” ตามที่ได้เกริ่นไปก่อนหน้า ซึ่งเป็นห้องพักที่ใหญ่และอยู่สบาย มาพร้อมกับสระว่ายน้ำส่วนตัวที่ยาวเป็นพิเศษ เหมาะสำหรับแขกที่ต้องการห้องพักที่หรูหรา มีพื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง โดยเฉพาะคู่ฮันนีมูนที่ต้องการบรรยากาศเป็นส่วนตัวเงียบสงบ สามารถแช่น้ำในสระภายในห้องพักโดยไม่ถูกรบกวน

ก้าวแรกที่เดินเข้าไปห้องพัก จะเป็นห้องนั่งเล่นพร้อมกับส่วนทานข้าว การตกแต่งจะเน้นงานไม้สีน้ำตาล ให้ความรู้สึกอบอุ่นอยู่สบาย ลวดลายเส้นสายบนพื้นผิวปูนเปลือยที่ผนังภายในห้องพักยังคงเป็นเอกลักษณ์ รู้สึกถึงกลิ่นอายความเป็น “ศรีพันวา” แต่ปรับโทนสีออกครีมเข้ากับงานไม้ตกแต่ง เหมาะสำหรับวันที่ต้องการพักผ่อนเต็มที่ ห้องพักเน้นอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและทันสมัยครบครันเช่นเคยตามมาตรฐานของโรงแรมเครือศรีพันวา ระบบไฟอัจฉริยะที่เป็นเครื่องหมายการค้าของที่นี่ ควบคุมด้วยปุ่มสัมผัสเดียวทั้งหมด รวมไปถึงควบคุมการเปิดและปิดของม่านทุกส่วนตั้งแต่ระเบียง มู่ลี่ห้องน้ำที่รายล้อมไปด้วยกระจกสามารถปิดเพื่อความเป็นส่วนตัว (ตรงนี้ชอบมากเลย)

OAT_8572

ในส่วนห้องทานอาหาร ชอบตู้เย็น “SMEG” เป็นพิเศษ เห็นแล้วอยากซื้อไว้ที่บ้านบ้าง ขนมและเครื่องดื่มบนบาร์และในตู้เย็นสามารถทานได้หมด รวมถึงเครื่องชงกาแฟแบบแคปซูลที่เป็นของมันต้องมีในห้องพักสำหรับโรงแรมระดับห้าดาว หากซื้ออาหารหรือของทานเล่นมาทานในห้อง สามารถเปิดตู้เอาชุดจานชามครบชุดออกมาใช้ มีอ่างล้างจานให้ด้วย

OAT_8563

ส่วนห้องนอนก็หันหน้าออกไปทางระเบียง เห็นวิวทะเลพร้อมชมวิวยามพระอาทิตย์ตกกำลังพอดี หัวเตียงก็เป็นที่วางของและโต๊ะทำงานขนาดกำลังพอดี พร้อมที่ชาร์จไฟครบครัน เตียงขนาดใหญ่พิเศษและนอนสบายมากๆ เช่นกัน

OAT_8559

นอกจากนี้ หากมาพักเป็นครอบครัว ห้องพักแบบเพนท์เฮาส์ถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ถูกใจ เนื่องจากมาพร้อมกับห้องรับแขก ที่มีเตียงโซฟาขนาดใหญ่ (Sofa Bed) สามารถจัดเตรียมและปรับเป็นที่นอนเสริมได้อีกด้วย ไม่ต้องมานอนเบียดกันแม้ว่าเตียงจะใหญ่พิเศษเพียงพอก็ตาม

OAT_8578

เวลามาพักตามโรงแรม ส่วนตัวแล้วห้องน้ำก็ถือเป็นหัวใจสำคัญทีเดียว ห้องน้ำกับห้องนอนจะแบ่งกั้นด้วยกระจกใสเปิดโล่ง ยามที่ต้องการความเป็นส่วนตัว สามารถเปิดปิดผ้าม่านไฟฟ้าอัตโนมัติเพียงนิ้วสัมผัส ห้องน้ำมีขนาดกว้างถึง 20 ตารางเมตร เกือบเท่ากับห้องนอน ไม่แปลกใจที่พอเข้ามาจะรู้สึกว่ากว้างขวางโล่งสบายไม่อึดอัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนอาบน้ำจะชอบแบบทูอินวัน ทั้งแช่อ่างอาบน้ำและก็อาบน้ำฝักบัวในรอบเดียวกัน เวลานอนแช่น้ำร้อนตีฟองผ่อนคลายในห้องกว้างๆ เสร็จแล้วได้ไปอาบเปิดฝักบัวฝนตกต่ออีกช่างมีความสุขดีแท้

OAT_8531

อ่างล้างหน้าก็แบ่งเป็น 2 อ่าง เวลาใช้งานช่วงเร่งรีบก็ไม่ต้องมาแย่งกัน แบ่งโซนของแต่ละคนสะดวกดี และก็มีที่วางของพื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง

OAT_8532

OAT_8534

OAT_8535

OAT_8543

สำหรับห้องพักแบบเพนท์เฮาส์ จะมาพร้อมกับระเบียงและสระว่ายน้ำที่มีขนาดใหญ่เป็นสองเท่าของห้องปกติ เวลาเล่นน้ำก็ว่ายกันแบบสุดสระฟินๆ กันไปเลย วิวด้านนอกก็งดงามมาก เห็นวิวทะเลชัดเจนรายล้อมไปด้วยเกาะแก่งน้อยใหญ่ แต่น่าเสียดายช่วงที่พักฟ้าไม่ค่อยเป็นใจ เจอมรสุมเข้าอย่างจัง ก็เลยใช้สระไม่ค่อยคุ้มค่านัก วันสุดท้ายก่อนออกฟ้าก็ครึ้มฝนก็ตกหนัก แต่ลูกชายเกรงว่ามาไม่ถึง ก็ตัดใจลงไปว่ายน้ำทันทีที่ฝนหยุดทั้งที่ไม่มีแดด เห็นแช่น้ำไปก็ตัวสั่นไปด้วย (น่าสงสารวัยรุ่นจริงๆ)

ป.ล. ผนังด้านนอกระเบียงเป็นสีส้มที่คุ้นตาดั้งเดิม เห็นแล้วนึกถึงห้องโซน “Pool Villa” ที่เคยพักตอนมาครั้งแรก

OAT_8602

OAT_8601

ช่วงเวลาที่ชอบสุดเวลามาพัก ก็เป็นช่วงเย็นยามพระอาทิตย์ตกที่บรรยากาศดีมากๆ แม้ว่าช่วงที่ไปรอบนี้เจอมรสุม หากเจอวันที่อากาศดีคงจะนั่งจิบกาแฟ ชมพระอาทิตย์ตกจากในห้องพักเลย

OAT_8595

OAT_8592

OAT_8596

OAT_8593

นอกจากห้องพักเพนท์เฮาส์ ขอแนะนำห้องพัก “Pool Suite West” เป็นห้องเริ่มต้นของ “เดอะฮาบิต้า” ขนาดย่อมลงมาเล็กน้อยสำหรับพักเป็นคู่ ซึ่งก็มาพร้อมกับสระว่ายน้ำส่วนตัวเช่นกัน เหมาะสำหรับคู่ฮันนีมูน มากับเพื่อน (หรือพักเดี่ยวก็ได้เช่นกัน) ที่ต้องการความเงียบสงบ และมีช่วงเวลาส่วนตัว ถึงแม้ว่าห้องจะมีขนาดไม่ใหญ่เท่าเพนท์เฮาส์ แต่ก็ถือว่าอยู่สบายและไม่อึดอัด พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน

OAT_8678

ห้องน้ำก็ย่อขนาดลงมากำลังพอดี มีครบหมดทั้งอ่างอาบน้ำและห้องอาบฝักบัว ภายในกั้นแบ่งส่วนด้วยกระจก ประตูและผนังบางส่วนเป็นกระจกเงาทำให้ห้องแลดูกว้างขวางและทำให้ไม่รู้สึกอึดอัด การตกแต่งภายในก็คล้ายกับของเพนท์เฮาส์  ให้ความรู้สึกไม่ต่างกันมากนัก

OAT_8650

OAT_8657

บริเวณโถงส่วนกลางเป็นจุดเช็คอิน มาถึงแล้วต้องแวะมาถ่ายรูปก่อน

“รู้หมือไร่?”

งานออกแบบสถาปัตยกรรมมีลักษณะโดดเด่นและสวยงาม โดย “Habita Architects” เจ้าเก่าเช่นเคยเหมือนส่วนอาคารอื่นๆ ซึ่งแต่เดิมบริเวณนี้เป็นพื้นที่สีเขียวเต็มไปด้วยต้นไม้เขตร้อนขนาดใหญ่ ทางโรงแรมก็ต้องการคงไว้ให้ใกล้เคียงกับสภาพแวดล้อมเดิม รวมถึงรักษาต้นไม้ไว้ให้มากที่สุดเช่นกัน แนวคิดหลักของโครงการจึงพยายามชดเชยและทดแทนต้นไม้บางส่วนที่หายไป นอกจากสร้างพื้นที่สีเขียวแล้ว งานออกแบบจึงเพิ่มความสมดุลโดยออกแบบด้านสถาปัตยกรรมให้มีความหมายเกี่ยวข้องกับ “ต้นไม้” จนกลายเป็นโครงสร้างที่มีลักษณะโดดเด่นของตัวหลังคาลักษณะรูปแบบอิสระอยู่ตรงกลางระหว่างตัวอาคารทั้งสองฟากที่เห็นนั่นเอง โดยพาดยาวตั้งแต่ถนนทางเข้าอาคารไปจนถึงสระว่ายน้ำ หากสังเกตดูให้ชัดเจนจะเป็นหลังคาที่ลักษณะเหมือนใบไม้ เมื่อมองจากด้านในก็จะเห็นตัวโครงสร้างเป็นเส้นใบของใบไม้อีกด้วย

ความตั้งใจของแนวคิดที่สัมพันธ์กับ “ธรรมชาติของต้นไม้” นอกจากการออกแบบรูปทรงหลังคาแล้ว กำแพงอิฐสำเร็จรูปที่นำมาใช้ก็ยังออกแบบและได้รับแรงบันดาลใจจากกิ่งก้านสาขาของต้นไม้

OAT_8605

OAT_8610

“Shi Shi Lounge” ถือเป็นส่วนกลางของ “เดอะฮาบิต้า” เดินลงชั้นล่างทางบันได หรือถ้าขี้เกียจจะมีลิฟต์อยู่ด้านข้างเพื่ออำนวยความสะดวก ด้านล่างเป็นห้องนั่งเล่น (Lounge) พร้อมทิวทัศน์แบบพาโนรามา ถือเป็นจุดชมวิวที่แนะนำและไม่ควรพลาดอีกแห่งเมื่อมาเยือน เหมาะมานั่งชิวพักผ่อนพร้อมฟังเพลงเบาๆ สำหรับช่วงเวลาผ่อนคลาย พร้อมจิบเครื่องดื่ม ค็อกเทล หรือไวน์ชั้นดี มาเสิร์ฟพร้อมกับ “ทาปาส (Tapas)” อาหารทานเล่นจานสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน (Mediterraneon) ตั้งแต่ยามบ่ายแก่ๆ ช่วงก่อนพระอาทิตย์จะตกดิน บริเวณส่วนนึ้จึงเหมาะที่จะมานั่งเล่นช่วงส่งท้ายวันก่อนฟ้ามืด พร้อมชมพระอาทิตย์ตกเป็นฉากด้านหลัง

OAT_8612

OAT_8613

OAT_8620

OAT_8622

“ผักกาด ผักกาด”

ระหว่างที่เข้าพัก “Shi Shi Lounge” อยู่ระหว่างการปรับรูปโฉมใหม่ ระหว่างนี้จึงได้ขอปิดปรับปรุงสักพัก คาดว่าจะกลับมาให้บริการเต็มรูปแบบอีกครั้งในเวลาอีกไม่นานเกินรอ

OAT_8616

“Habita Pool” สระว่ายน้ำส่วนกลางที่สร้างขึ้นมาทีหลังพร้อมกับ “เดอะฮาบิต้า” เป็นสระขนาดใหญ่ที่สุด หากว่ายสุดความยาวก็ประมาณสระโอลิมปิกเลยทีเดียว (44 เมตร) มาพร้อมกับน้ำตก รายล้อมด้วยต้นไม้บรรยากาศเป็นธรรมชาติ ตอนกลางวันบรรยากาศร่มรื่นมาก เสียดายเจอฝนหนักทั้งบ่ายไม่ได้ลงมาเดินชมและเล่นน้ำเลย

OAT_8622

OAT_8618

OAT_8750

OAT_8751

“บาบ้า ฮอต บ๊อกซ์​ (Baba Hot Box)” จะอยู่บริเวณสวนริมสระน้ำ เปิดให้บริการเน้นอาหารปิ้งย่างสไตล์บาร์บีคิวทั้งหลาย ทั้งเนื้อสัตว์และอาหารทะเล โดยใช้เตา “Josper” ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเตาย่างถ่ายที่ดีสุดในโลกจากสเปน เปิดให้บริการตั้งแต่หลังเที่ยงวันจนถึงช่วงเย็น

“บาบา ฮอต บ๊อกซ์ (Baba Hot Box)”

เปิดบริการ : 12.00 น. ถึง 18.00 น.
ข้อมูลเพิ่มเติม : เมนูอาหาร

OAT_8744

อาหารเช้าก็จะทานที่ “Baba Pool Club” เช่นเคย จากห้องพักแนะนำให้เรียกรถมารับไปส่ง เนื่องจากทางค่อนข้างขึ้นเนิน กว่าจะไปถึงอาจหมดแรงหรือโมโหหิวไปเสียก่อน แต่ถ้าต้องการเดินออกกำลังกายเรียกเหงื่อ ก็สามารถเดินลัดเลาะไปตามถนนผ่านไปทาง “Cool Spa” (อยู่ติดกันเลย) ไม่ไกลนักแต่ทางชันก็จะถึงยังห้องอาหาร

OAT_8645

มาพักรอบนี้อยู่ค่อนข้างยาวก็เลยมีโอกาสได้สำรวจเมนูอาหารเช้าหลากหลายมาก รอบที่ผ่านมาก็จะสั่งแต่เมนูแนะนำทีเป็น Signature ของที่นี่อย่าง “Baba Eggs Benedict” เป็นไข่ดาวน้ำ (Poached Egg) วางมาบนบริยอช (Brioche Bread) ขนมปังฝรั่งเศส เสิร์ฟพร้อมกับเบคอน ราดด้วยซอสทรัฟเฟิล (Truffle Sauce) สูตรเฉพาะของศรีพันวา แต่คราวนี้มีโอกาสได้ชิมพวก “Eggs Sourdough” ก็อร่อยไม่แพ้กันอีกแบบ มาทริปนี้สั่งเพิ่มแซลมอนรมควันมาเป็นของเคียงตลอด เนื่องจากปกติเวลาเข้าพักตามโรงแรมต่างๆ มีไม่บ่อยนักที่เสิร์ฟแซลมอนรมควันในไลน์อาหารเช้าด้วย มาแล้วแนะนำว่าต้องจัดครับ

OAT_8627

OAT_8805

มาพักทริปนี้ ที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับทุกเช้า คือ เมนูของหวาน ได้สั่งมาชิมจนครบทุกรายการ ขอแนะนำว่าอร่อยทุกอย่าง สามารถสั่งมาแชร์กันทานให้ครบเลยครับ ได้แก่ แพนเค้ก วอฟเฟิล และโทสต์ แต่ส่วนตัวแล้วยกให้แพนเค้กอร่อยที่สุด ฉ่ำด้วยครีม ซอส ไซรัป และผลไม้ที่นำมาตกแต่งแบบเต็มคาราเบล ทานกันไม่กลัวอ้วนเลยทีเดียว กลับไปค่อยออกกำลังกายชดใช้กรรมทีหลังครับ

OAT_8637

อาหารเย็นวันบางวัน เห็นว่าฝนตกหนักขี้เกียจออกไปข้างนอก กว่าจะเข้าเมืองก็ไกลเอาเรื่อง ไหนจะหาอาหารทานยากไหนจะที่จอดรถอีก เนื่องจากตรงช่วงเทศกาลกินเจพอดี ก็เลยทานกันง่ายๆ ที่ห้องอาหารโรงแรม ถือเป็นอีกทางเลือกที่ค่อนข้างสะดวกสบายครับ

OAT_8767

เช่นเคยตอนปิดทริปก็จะอารมณ์เหงาๆ ไม่อยากกลับเช่นเคย ยิ่งได้มาพักศรีพันวานี่อีก ช่วงเวลาแห่งความสุขช่างผ่านไปไวเหลือเกิน รอบนี้มาแม้ฟ้าฝนไม่ค่อยเป็นใจ แต่ก็ถือว่าเป็นการพักผ่อนที่ดีสุดอีกทริปหลังจากเริ่มกลับมาเที่ยวกันได้พักนึง

OAT_8964

OAT_8978

ทริปนี้มาเที่ยวทะเลกันไปแล้ว ตอนหน้าจะพาขึ้นเหนือกันบ้าง เปลี่ยนบรรยากาศกันบ้างหลังจากที่ช่วงหลังพาออกทะเลแบบติดกันเลย จะพาไปเที่ยวญี่ปุ่นทิพย์ที่เชียงใหม่ สัมผัสบรรยากาศแช่ออนเซ็นในรีสอร์ทเล็กๆ หรูหราห้าดาวไม่แพ้กัน แล้วเจอกันเร็วนี้ที่ “Onsen at Moncham” นะครับ

OAT_8915

Leave a comment