“บาบา บีช คลับ หัวหิน”
— เอพิโซด 2 : โซนใหม่สุดหรู “ฮาบิต้า ซีวิว” ∙ ห้องพักวิวทะเลเหนือเส้นขอบฟ้า —
รอบนี้จะพากลับไปพักที่ “บาบา บีช คลับ หัวหิน (Baba Beach Club Hua Hin)” เป็นครั้งที่สองกันครับ ห้องพักคืนนี้เป็นสไตล์โรงแรมตึกสูง 12 ชั้น ห้องสวีทและเพนท์เฮาส์รวม 47 ห้อง ส่วนขยายเพิ่มเติมโซนใหม่ล่าสุด มีชื่อเรียกเฉพาะว่า “ฮาบิต้า ซีวิว (Habita Seaview)” ตกแต่งแบบโมเดิร์นแต่ยังคงความหรูหราสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เหมาะสำหรับวันพักผ่อนอันแสนสบายกับวิวทะเลทุกห้อง พร้อมต้อนรับเช้าวันใหม่อันแสนสดชื่นกับการตื่นมารอทักทายพระอาทิตย์ขึ้นพ้นเส้นขอบฟ้าจากบนเตียงนุ่มๆ หรือระเบียงห้องพัก
ทริปนี้ตื่นเต้นไม่น้อยที่จะได้กลับมาพักอีกรอบ เพราะโรงแรมพึ่งสร้างเสร็จไม่นานยังได้กลิ่นอายความใหม่เต็มที่ ห้องพักทั้งหมดรวมถึงโซนอื่นก็จะย้ายมาเช็คอินที่ตึกนี้ทั้งหมด ถือว่าสะดวกขึ้นเพราะมีบริเวณกว้างขวางกว่า มีที่นั่งห้องรับแขกสะดวกสบาย
ก่อนมาพักก็แอบหาข้อมูลจากหน้าเพจและเว็บของโรงแรมเล็กน้อย สิ่งแรกที่ประทับใจตั้งแต่แรกเห็น (ตั้งแต่ตอนยังสร้างไม่เสร็จดี) ก็คงเป็น Lobby ของโรงแรม ที่ออกแบบได้เรียบหรูและดูแกรนด์มาก ชอบความเป็นเพดานสูง เห็นชั้นสองและสามที่เป็นส่วนโถงประชุมสำหรับจัดงานต่างๆ เสียดายที่ไม่มีโอกาสได้ไปเยี่ยมชม บันไดทางเดินวนขึ้นข้างบนก็ออกแบบได้โมเดิร์นดูกลมกลืนกันไปหมด ทางเดินเป็นพื้นขุ่นเดินเป็นสะพานข้ามสระน้ำเล็กๆ มีไฟส่องขึ้นมาเหมือนเป็นแคทวอล์ค เหมาะเป็นอีกหนึ่งจุดเช็คอินและถ่ายรูปสำหรับแขกที่มาพัก โทนสีออกขาวทำให้ดูหรูหราตัดกับน้ำในสระสีฟ้าเทอร์ควอยซ์ (Turquoise) ช่วงกลางคืนพอส่องไฟก็จะได้อารมณ์ออกโทนวอร์มแลดูอบอุ่นขึ้น
มาพักที่ Habita Seaview ทั้งที ถ้าเลือกได้ต้องเป็นชั้นบนๆ เพื่อจะได้ชมวิวทะเลอ่าวไทยจากมุมสูง ห้องพักสำหรับคืนนี้อยู่ “ชั้น 9” จัดว่าดีงาม หากอยากพักชั้น 12 บนสุดก็ต้องอยู่แบบ “Penthouse” ซึ่งเหมายกชั้นกันไปครับ งานออกแบบของโรงแรมเก็บรายละเอียดได้ดีทุกอย่าง เริ่มตั้งแต่จุดรอลิฟต์ชั้นหนึ่งสวยหรูไปจนถึงประตูทางเข้าห้อง (แม้แต่ภายในลิฟต์ก็จัดว่าดีงาม) สวยตั้งแต่พื้นยันเพดานเลยทีเดียว การขึ้นไปในส่วนห้องพักต้องใช้ระบบคีย์การ์ดเพื่อกดลิฟต์ เฉพาะสำหรับแขกที่มาพักเท่านั้น
เล่าเรื่องกันมาสักพัก ได้เวลาพาทัวร์ห้องนอนกันเสียทีครับ ห้องพักจะเป็นแบบ “บาบาแกรนด์สวีท (Baba Grand Suite)” อยู่ตั้งแต่ชั้น 8 ถึง 11 ซึ่งแต่ละชั้นมีอยู่เพียง 4 ห้อง ภายในห้องเป็นเตียง King-Sized ดูดวิญญาณนอนแล้วแทบไม่อยากลุก บวกไปกับผ้าห่มอันแสนนิ่มฟู หันหน้าออกไปทางฝั่งทะเล สามารถนอนมองวิวทะเลได้ตลอดทั้งวัน ห้องมีขนาดกว้างถึง 94 ตารางเมตร ทำให้สามารถพักเป็นครอบครัวได้สบายไม่อึดอัด หากมาเป็นคู่ก็สามารถเปลี่ยนบรรยากาศนอนเล่นบนโซฟา ชมความบันเทิงได้เพลิดเพลินใจไปกับ iPod ที่อัดแน่นไปด้วยเพลงทุกสไตล์ หรือฟังสบายๆ ตามสไตล์ “ศรีพันวา” ที่คัดสรรมาเป็นอย่างดีกับชุดเครื่องเสียง JBL และทีวีจอขนาด 55 นิ้ว พร้อมกับ Netflix
สำหรับห้องพักประเภท “บาบาแกรนด์สวีท” จะมาพร้อมกับโต๊ะทำงาน และมีประตูเชื่อมต่อกับห้องที่หัวมุม “Baba Grand Suite Corner” ซึ่งอยู่ติดกัน เหมาะอย่างยิ่งสำหรับครอบครัวใหญ่ที่ต้องการพื้นที่กว้างขวางขึ้น สำหรับแยกกันนอนเป็นพื้นที่ส่วนตัว แต่สามารถเปิดถึงกันได้อย่างสะดวกอีกด้วย การตกแต่งโทนสีภายในห้องพักทริปนี้จะเป็นสีออกเทาเข้ม ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะชั้นเลขคี่ (ชั้น 7 & 9) เท่านั้น ส่วนห้องพักชั้นที่เหลือก็จะออกมาเป็นโทนสว่างออกสีครีม ซึ่งจะให้บรรยากาศและอารมณ์ในการเข้าพักที่ต่างกันไป ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วชอบไม่แพ้กันครับ
คุยกันมานาน ได้เวลานำเสนอไฮไลท์ของห้องพักประเภทนี้ (บาบาแกรนด์สวีท) นั่นก็คือ “ห้องน้ำ” นั่นเองครับ เป็นหนึ่งในห้องน้ำสุดโปรดแห่งหนึ่งของโรงแรมที่เคยพักมา ทั้งความกว้างขวางซึ่งมีบริเวณถึงประมาณ 1 ใน 3 ของพื้นที่ใช้สอยทั้งหมดภายในห้องพักเลยทีเดียว รวมถึงการตกแต่งภายในซึ่งแม้จะดูโมเดิร์นเรียบง่าย แต่สัมผัสได้ถึงความหรูหราไปด้วยกัน ส่วนตัวให้โซนห้องน้ำชนะเลิศไปเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นส่วนแต่งตัว เก็บของ อาบน้ำ และห้องน้ำ ที่จัดสรรพื้นที่ได้อย่างลงตัวที่สุด
สำหรับสุภาพสตรีที่ชอบอยู่ในห้องน้ำนานๆ บอกได้เลยว่าฟินแน่นอนครับ อ่างล้างหน้าแยกไม่ต้องแย่งกัน พื้นที่วางของกว้างขวาง และก็มีโต๊ะเครื่องแป้งพร้อมกระจกบานใหญ่ สามารถนั่งแต่งหน้าอยู่ตรงนี้ได้เป็นชั่วโมงๆ ไฟหน้าแว่นก็สว่าง ภายในห้องน้ำก็สามารถปรับความแรงและอุณหภูมิแอร์แยกตามใจชอบ รวมถึงความสว่างของไฟที่แยกจากส่วนห้องพักด้านนอก สามารถปรับได้อย่างพอใจเพียงนิ้วสัมผัส
ถัดมาก็จะเป็นส่วนของโซนเปียกสำหรับอาบน้ำ ก็จะมีเพียงกระจกใสกั้นทำให้ห้องดูกว้าง บริเวณนี้จะตกแต่งด้วยกระเบื้องโทนสีขาวตัดกับฟ้า ตรงกันข้ามกับโทนสีห้องพักด้านนอกที่ให้ความรู้สึกเข้มขรึม
มาพร้อมกับฝักบัวอาบน้ำและฝักบัวแบบฝนตก ที่สำคัญแรงดันน้ำนี่ดีมาก แม้จะเป็นชั้นบนแต่น้ำก็ไม่ไหลเอื่อย
ก็อกน้ำสำหรับควบคุมระบบฝักบัวเป็นของ “GROHE” ซึ่งสะดวกใช้งานง่าย แบรนด์นี้รับประกันได้ว่าดีจริง ไม่ว่าจะเป็นการสลับระหว่างฝักบัวอาบน้ำกับฝักบัวฝนตก (Rain Shower) ที่เลือกใช้ได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส ต่างจากบางรุ่นที่บางครั้งกว่าจะปรับได้ก็วุ่นวายพอควร โดยเฉพาะเวลาที่มือลื่นสบู่ตอนอาบน้ำ รวมไปถึงการควบคุมความแรงและปริมาณน้ำเพียงหมุนก็อก และปรับอุณหภูมิร้อนเย็นได้สะดวก แค่นี้ชีวิตก็ง่ายขึ้นเยอะครับ
สบู่เหลวและแชมพูที่เลือกมาก็กลิ่นหอม อารมณ์เหมือนเวลาไปทำสปา อาบแล้วรู้สึกผ่อนคลายมาก มาโรงแรมของเครือนี้ทีไรก็ประทับใจกับกลิ่นของผลิตภัณฑ์อาบน้ำตลอด
สำหรับมิตรรักสายอ่างชอบแช่น้ำ การได้นอนแช่น้ำตีฟองนี่คือความสุขที่สุดครับ เพราะสามารถเปิดม่านชมวิวทะเลได้แบบไม่ต้องอายคนด้านนอก ช่วงกลางคืนก็หรี่ไฟเล็กน้อยนอนแช่ก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบ ไม่บ่อยครั้งที่จะเจอห้องพักที่มีอ่างอยู่ริมกระจกชมวิวทะเลเหมือนที่นี่ครับ
ห้องน้ำของที่นี่คุยได้เรื่อยๆ เลยครับ แต่เอาเป็นว่าจบกันที่ส่วนห้องทำภารกิจส่วนตัวดีกว่า หากมาพักโรงแรมในเครือ “ศรีพันวา” และ “บาบา” ส่วนที่สร้างรุ่นหลังกลายเป็นว่าต้องเป็นโถสุขภัณฑ์แบบอัตโนมัติไปหมดแล้ว ถือว่ากลายเป็นมาตรฐานที่ถูกใจยามมีธุระ แม้ว่ายามที่งัวเงียลุกมาเข้าห้องน้ำตอนค่ำคืน พอเดินมาถึงจุดที่เซ็นเซอร์จับได้ก็จะเปิดฝารอไว้เลย เสร็จกิจก็ชำระทำความสะอาดเพียงนิ้วสัมผัสปุ่มรีโหมด ทุกครั้งเวลากลับบ้านถึงนี่แอบคิดถึงเลยทีเดียว อยู่สบายจนเคยตัวไปนิดนึง หากสนใจ “TOTO NEOREST XH I” ราคาตกประมาณ 160,000 บาท แค่ได้มาทักทายน้อง (TOTO) ก็คุ้มค่าห้องพักแล้วครับ
ห้องพักทุกห้องจะมาพร้อมกับเครื่องชงกาแฟ “Nespresso” ซึ่งกลายเป็นของมันต้องมีสำหรับโรงแรมในเครือนี้เช่นกัน รวมไปถุงขนมของว่าง ผลไม้ เครื่องดื่มในตู้เย็น และขาดไม่ได้ก็อาหารญี่ปุ่นประจำชาติอย่าง “มาม่า” ที่เป็นคลังแสงยามดึก และก็อาหารมื้อประหยัดหากไม่ต้องการออกไปไหน ทั้งหมดนี้หมดแล้วก็จะมีเติมให้ทุกวัน สามารถทานได้ทั้งหมดไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
“IS-SA” น้ำดื่มในเครือโรงแรมที่คุ้นเคย จัดบริการไว้ให้เต็มที่วางไว้อย่างเหลือเฟือ ทุกครั้งเวลาเช็คเอาท์ก็จะคว้าติดมือกลับมาด้วย เอาไว้ทานแบบเย็นเจี๊ยบระหว่างเดินทางกลับกรุงเทพ
ถึงแม้ว่าห้องพักโซนใหม่ “ฮาบิต้า ซีวิว” จะไม่ได้อยู่ติดชายหาด แต่มีจุดเด่นเรื่องวิวทะเลอ่าวไทยที่มองไปกว้างและไกลสุดถึงเส้นขอบฟ้า โดยเฉพาะห้องที่อยู่ข้างบนชั้นสูงขึ้นไปก็จะยิ่งสวย ระหว่างที่เข้าพักเสียดายตรงกับช่วงพายุเข้าพอดีเจอฝนหนักทุกวัน จึงไม่ทันได้เห็นพระอาทิตย์ไข่แดงกลมโผล่ขึ้นผิวน้ำจากเส้นขอบฟ้าครับ วันที่เข้าพักเดินทางมาเหนื่อยมากแถมนอนดึกอีก แต่ก็พยายามฝืนใจตั้งนาฬิกาปลุกตอนตีห้าเพื่อมาลุ้นชมแสงแรกของวัน ว่าแล้วก็เปิดเพลงเบาๆ ชมวิวไปพร้อมกันครับ
อภินันทนาการจากทางรีสอร์ท
ผ้าเย็นกลิ่นอโรมา และเครื่องดื่มต้อนรับเมื่อเดินทางมาถึง
มินิบาร์ เครื่องชงกาแฟ Nespresso และขนมขบเคี้ยวที่เติมเต็มทุกวัน
ตะกร้าผลไม้ต้อนรับ
iPod ที่มีเพลงหลายรูปแบบติดตั้งภายในห้องพัก
สามารถเข้าใช้สระว่ายน้ำ ห้องฟิตเนส ชายหาด และกิจกรรมบนชายหาด
ฟรี Wi-Fi ความเร็วสูงแบบไม่จำกัดภายในห้องพัก
Netflix ติดตั้งบนทีวีภายในห้องพักทุกเครื่อง
“ฮาบิต้า ซีวิว”
ห้องพักโซนใหม่ล่าสุดของ “บาบา บีช คลับ หัวหิน” สร้างเป็นโรงแรมตึกสูง 12 ชั้น แบ่งเป็น ห้องสวีท 46 ห้อง และเพนท์เฮาส์ 1 ห้อง แต่ละห้องมีระเบียงส่วนตัวพร้อมรับชมวิวทะเลได้ทั้งหมด ตกแต่งสไตล์ร่วมสมัยและเน้นความหรูหรา พร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้อง และบริการที่เป็นเอกลักษณ์ตามสไตล์ของโรงแรมในเครือ “ศรีพันวา” และ “บาบา บีช คลับ” โดยห้องพักจำแนกเป็น 5 ประเภท ได้แก่
Baba Suite : ห้องพักราคาเริ่มต้นที่มาพร้อมความสะดวกสบายครบครัน จะอยู่บริเวณชั้น 3 ถึงชั้น 7 เตียงจะเป็นแบบ Twin จำนวน 2 เตียง และมี Sofa Bed ขนาดใหญ่สำหรับผ่อนคลายตอนกลางวัน บริเวณนอกระเบียงมีโซฟาสำหรับนั่งเล่นชมวิวและอาบแดดไปพร้อมกัน — พื้นที่ใช้สอย 63 ตารางเมตร / จำนวน 20 ห้อง
Baba Suite Corner : โดยทั่วไปจะมีลักษณะเหมือนห้องประเภทเริ่มต้น แต่จะตั้งอยู่บริเวณหัวมุมทางเดินทั้งสองด้านของอาคาร ตั้งแต่ชั้น 3 ถึงชั้น 7 ในแต่ละชั้นจะมีเพียงสองห้องเท่านั้น ทำให้ห้องพักมีขนาดกว้างขึ้น รวมไปถึงพื้นที่ระเบียงที่เพิ่มขึ้นด้านข้าง ภายในห้องพักด้านข้างเป็นกระจกทำให้เห็นวิวนอกเหนือจากทะเล เตียงนอนจะเป็นไซส์ King หันหน้าออกไปทางทะเล — พื้นที่ใช้สอย 90 ตารางเมตร / จำนวน 10 ห้อง
Baba Grand Suite : ห้องพักขนาดใหญ่และกว้างขวาง เตียงเป็นแบบ King ภายในห้องพักอำนวยความสะดวกครบครัน จุดเด่นอยู่ที่ห้องน้ำขนาดใหญ่พร้อมกับวิวทะเล ตั้งอยู่บริเวณชั้น 8 ถึงชั้น 11 ซึ่งเห็นวิวได้ไกลและทำเลดีกว่าชั้นด้านล่าง ในแต่ละชั้นจะมีเพียง 2 ห้อง พร้อมประตูเชื่อมต่อไปยังห้องด้านข้างได้ (กรณีที่จองห้องติดกัน) — พื้นที่ใช้สอย 94 ตารางเมตร / จำนวน 8 ห้อง
Baba Grand Suite Corner : ตั้งอยู่บริเวณหัวมุมของชั้น 8 ถึงชั้น 11 ทำให้เห็นวิวได้รอบทิศทาง บริเวณระเบียงที่ขยายออกมาด้านข้าง สามารถชมวิวได้ทั้งพระอาทิตย์ขึ้นหรือตกในแต่ละช่วงเวลา รวมไปถึงขนาดห้องที่เพิ่มขึ้นมา รวมถึงพื้นที่ใช้สอยกว้างขวางกว่า เป็นโซนสำหรับทำงานและโต๊ะทานข้าวในห้อง — พื้นที่ใช้สอย 125 ตารางเมตร / จำนวน 8 ห้อง
Baba Mama Penthouse : ห้องพักเพนท์เฮาส์เพียงหนึ่งเดียว เป็นพื้นที่ทั้งหมดของชั้น 12 ออกแบบได้หรูหราที่สุด และอยู่ชั้นบนสุดของอาคาร พร้อมสระว่ายน้ำปูพื้นกระเบื้องสีทองยาวสุด 30 เมตร ไปตลอดความกว้างด้านหน้าของตัวอาคาร แยกเป็นห้องนอนขนาดใหญ่ 2 ห้อง พร้อมห้องน้ำในตัว พื้นที่ส่วนกลางกว้างขวาง ประกอบไปด้วยห้องรับแขก โต๊ะทานข้าวขนาดใหญ่ บาร์ และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน — พื้นที่ใช้สอยภายใน 355 ตารางเมตร และด้านนอก 27 ตารางเมตร / จำนวน 1 ห้อง
หากต้องการห้องพักที่มีขนาดพิเศษ ขอแนะนำห้องบริเวณริมสุดของอาคาร ซึ่งจะได้ระเบียงที่ขยายออกไป และวิวด้านข้างซึ่งจะเป็นหน้าต่าง ที่จะพาชมเพิ่มเติมเป็นห้อง “Baba Grand Suite Corner” จากชั้น 8 ซึ่งจะเห็นว่าการตกแต่งห้องพักจะเป็นโทนสีสว่าง ได้พื้นที่ห้องพักกว้างขวางขึ้น จึงใช้เป็นพื้นที่ห้องรับแขกและโต๊ะทานอาหาร
หลังจากได้ชมห้องพักทั้งสอง แอบปันใจให้กับห้องโทนสีเข้มมากกว่านิดนึง แต่โดยรวมก็ชอบทั้งสองแบบ การตกแต่งชอบห้องแบบธรรมดา แต่ถ้าต้องการความสะดวกสบายเพิ่มขึ้น ห้องบริเวณมุมอาคารจะมีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น รวมไปถึงส่วนที่เป็นระเบียงด้านข้าง เหมาะสำหรับนั่งเล่นชมแสงเย็นตอนพระอาทิตย์ตก
ห้องน้ำของห้องที่อยู่ชั้นเลขคู่ ก็จะตกแต่งด้วยกระเบื้องสีดำตัดลายสีเขียว เปลี่ยนอารมณ์สวยไปอีกแนวนึง สำหรับโทนสีห้องน้ำนี่ชอบพอๆ กันเลือกไม่ถูก อารมณ์ประมาณรักพี่เสียดายน้อง
บริเวณระเบียงห้อง ด้านที่หันหน้าออกทะเลเหมาะสำหรับชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น หรือมานั่งเล่นยามบ่ายตอนพระอาทิตย์คล้อยไปด้านหลังจะได้ไม่ร้อนจนเกินไป
สำหรับห้องพัก “Corner” จะเห็นพระอาทิตย์ตกได้จากระเบียงด้านข้าง หากนอนห้องธรรมดาอย่าพึ่งน้อยใจไปครับ สามารถยืนชมจากบริเวณหน้าลิฟต์ซึ่งมีหน้าต่างสำหรับชมวิวด้านหลังได้เช่นกัน
วันก่อนเดินทางกลับ มีโอกาสได้แอบแวะชมห้องพัก “Baba Mama Penthouse” ซึ่งถือว่าเป็นสุดยอดของที่นี่แล้วครับ ชอบสุดก็เป็นสระว่ายน้ำส่วนตัวสีทองยาวตลอดแนวด้านหน้าของอาคาร ถือว่าเป็นไฮไลท์หนึ่งเดียวของห้องพักระดับสูงสุด ซึ่งเหมาะมากสำหรับปิดฟลอร์จัดงานฉลองกับเพื่อนฝูงครับ
ออกจากลิฟต์มาก็จะเป็นห้องโถงเล็กๆ ทั้งชั้นมีอยู่เพียงห้องเดียว ประตูเป็นแบบเลื่อนอัตโนมัติด้วยระบบคีย์การ์ดอย่างหรูที่แท้ทรูไปเลยครับ ป้ายด้านหน้า “MAMA” เป็นฟอนต์ที่คุ้นเคยบนซองบะหมี่สำเร็จรูป ซึ่งมีที่มาเกี่ยวข้องกับห้องเพนท์เฮาส์แห่งนี้ด้วย
เข้ามาก็จะเป็นโถงเชื่อมระหว่างห้องทั้งหลาย ภายในก็จะมีห้องนอนขนาดใหญ่ 2 ห้อง อยู่คนละฟากของทางเดิน สำหรับพื้นที่ตรงกลางก็จะเป็นบริเวณส่วนกลาง ชอบโคมไฟบนเพดานห้อง ที่สุดของความหรูจริงๆ
ห้องนอนค่อนข้างกว้างขวาง เพดานสูงอยู่สบาย เตียงขนาดใหญ่หันหน้าออกชมวิวทะเลและสระว่ายน้ำ พร้อมกับเก้าอี้นั่งเล่นส่วนตัวภายในห้อง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
ในส่วนของห้องน้ำก็กว้างและหรูหราไม่แพ้กัน มีหน้าต่างบานเล็กๆ สำหรับชมวิวภายนอกอยู่บริเวณอ่างอาบน้ำ ภายในก็จะมีส่วนอาบน้ำและห้องแต่งตัว
พื้นที่ส่วนกลางของเพนท์เฮาส์ เหมาะสำหรับจัดปาร์ตี้หรือเลี้ยงฉลองในโอกาสพิเศษ มีทุกอย่างตั้งแต่ห้องรับแขก นั่งเล่น โต๊ะทานข้าวขนาดใหญ่ บาร์ สามารถวิ่งเล่นไล่จับกันได้สบาย จัดได้ว่าเป็นที่สุดของเพนท์เฮาส์ที่เคยเจอมาครับ
สระว่ายน้ำของ “บาบา มาม่า เพนท์เฮาส์” จัดว่าเป็นไฮไลท์ ทั้งพื้นกระเบื้องของสระที่เป็นสีทองอร่าม เสียดายถ่ายตอนกลางคืนจึงเห็นไม่ชัดว่าอลังวังเวอร์ขนาดไหน
เย็นวันสุดท้ายก่อนกลับ เป็นช่วงที่เปิดห้องลองไฟพอดี จึงมีโอกาสได้มาแอบแวะชมห้องระดับเพนท์เฮาส์ แม้ว่าจะเรียบร้อยเพียง 80-90 เปอร์เซ็นต์ก็จัดว่าสุดๆ เหมาะอย่างมากสำหรับไฮโซสายปาร์ตี้ ที่ต้องมาลองจัดกันสักครั้งนึงเลยทีเดียว เห็นมีข่าวว่ากำลังเปิดจองแบบ “Soft Opening” ในราคาเริ่มต้นคืนละ “45,000 บาท” สามารถพักได้ 4 ท่าน เข้าพักช่วง “1 สิงหาคม 2565 ถึง 31 กันยายน 2565” เท่านั้น รีบจองด่วนก่อนที่จะปรับราคาเต็ม รายละเอียดเพิ่มเติมที่หน้าเว็บโรงแรมครับ
ก่อนจะพาไปชมสิ่งอำนวยความสะดวก ขอพาทัวร์ห้องพัก “3BR Pool Villa” ที่เป็นน้องใหม่ล่าสุดเปิดตัวไปก่อนหน้าไม่นานเช่นกันครับ เป็นบ้านพักพร้อมสระน้ำในตัวแบบ “3 ห้องนอน” ที่มีราคาเบากว่าหลังเก่าที่เป็นแบบ “3BR Luxury Pool Villa” ที่เคยพาทัวร์ไปในทริปก่อนหน้าตอนที่แล้วครับ
สำหรับ Villa ตัวใหม่ที่พึ่งเปิดตัวจะมีพื้นที่ใช้สอยกระทัดรัดขึ้นมา แต่ก็ยังคงเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกไม่แพ้กัน มีห้องนอน 3 ห้อง มาพร้อมกับห้องน้ำในตัวทั้งหมด ว่าแล้วก็เชิญชมกันแบบรวดเร็วกันได้เลยครับ
ง
สิ่งอำนวยความสะดวกและบริการของโรงแรม :
3 Restaurants & 3 Bars
Beachfront Entertainment Pool & Garden Pool
Beach Club
Baba Fit (Gym)
Baba Kids ( Kid’s Club)
Cool Spa
Beach Activities
Reading Room
Yaya Boutique
Steam Room
Meeting & Large Function Venue
Beachfront Wedding & Event Space
In Room & Villa Dining
Villa Assistant
24-Hr Reception & Security
Car Parking Area
Private Luxury Car Transfer
หลังจากพาชมห้องพักกันพอประมาณ ถึงคิวของ “Baba Soul Food” ห้องอาหารหลักของ “ฮาบิต้า ซีวิว” ซึ่งให้บริการอาหารเช้าของแขกที่มาพัก แต่เดิมอาหารเช้าจะอยู่ที่ “Baba Beach Bar & Restaurant” — สามารถดูรายละเอียดได้ในรีวิวตอนที่แล้วครับ — นอกจากนี้ ยังเปิดให้บริการทั้งวันถึงมื้อค่ำ โดยจะเน้นเสิร์ฟอาหารไทยเป็นหลัก
“Baba Lounge” เน้นให้บริการเครื่องดื่ม อยู่บริเวณชั้นล่างของ “ฮาบิต้า ซีวิว” ให้บริการทั้งวันถึงช่วงดึกๆ บรรยากาศดีเหมาะสำหรับนั่งเล่นหลังมื้ออาหาร
“Garden Pool Bar” เป็นบาร์ริมสระน้ำ สามารถนั่งจิบเครื่องดื่มยามบ่ายจากในสระระหว่างเล่นน้ำยามบ่าย
“Baba Fit” สำหรับออกกำลังกายด้วยอุปกรณ์ทันสมัยอย่างครบครัน พร้อมมีห้องน้ำอยู่ในตัว ไฮไลท์อยู่ที่ “เวทีมวย” สำหรับฝึกศิลปะป้องกันตัว หรือถ้ามาพร้อมกับคู่อริก็เชิญไปคุยกันได้บนเวทีครับ นวมและเวทีพร้อมอย่ารอช้า
“คูลสปา (Cool Spa)” พึ่งเปิดให้บริการแห่งใหม่ โดยยังเลือกโปรแกรมที่เป็นเอกลักษณ์ตามแบบบฉบับดั้งเดิมของ “คูลสปา ศรีพันวา” ซึ่งเสนอศาสตร์แห่งการบำบัดที่ผสมผสานระหว่างการนวดแบบดั้งเดิมกับสไตล์การนวดร่วมสมัยเฉพาะของคูลสปา มีให้บริการหลายรูปแบบ ได้แก่ การนวดแผนไทย การนวดสไตล์บาหลี การนวดสไตล์อินเดีย หรือสามารถเลือกโปรแกรมผ่อนคลายการดูแลผิดพรรณด้วยการขัดผิดด้วยผลไม้ และสมุนไพรธรรมชาติ
คูลสปาแห่งใหม่ ออกแบบในบรรยากาศที่ผ่อนคลายด้วยต้นไม้ใหญ่ ห้องบำบัดเน้นความเป็นส่วนตัวถึง 5 ห้อง ตั้งอยู่ชั้น 3 ของตึก ฮาบิต้า ซีวิว
ทัวร์มาจนทั่วโรงแรม ว่าแล้วก็ขอตัดจบเพียงเท่านี้ก่อนครับ เพราะว่าจะขอตัวกลับไปพักอีกรอบช่วงหยุดยาวสุดสัปดาห์กับ “เราเที่ยวด้วยกันเฟส 4” ประทับใจมากจนต้องกลับไปนอนอีกรอบครับ
“ผักกาด ผักกาด”
ขอแนะนำว่าช่วงนี้ห้องพักจัดว่าราคาดีงามมาก เมื่อใช้ร่วมกับ “เราเที่ยวด้วยกันเฟส 4 ส่วนขยาย” ห้องพักราคาเริ่มต้นเพียงคืนละ “3,840 บาท” (เป็นราคาหักส่วนลดสูงสุด 40% ไม่เกิน 3,000 บาท)