พักผ่อนกลางหุบเขา บรรยากาศสุดไฮ ช่วงปลายฤดูฝน
— “วีรันดา ไฮ รีสอร์ท เชียงใหม่” —
เมื่อลมหนาวเริ่มพัดโชยมาเบาๆ เหมือนเป็นสัญญาณบอกว่าได้เวลาเที่ยวเหนือกันอีกครั้ง วันนี้จึงขออาสาพาไปแอ่วเชียงใหม่ ชวนไปนอนโรงแรมสุดหรูนอกเมือง ซึ่งบรรยากาศรายล้อมด้วยทุ่งนาและหุบเขา แถมด้วยหมอกบางๆ ยามเช้าของช่วงปลายฝนที่กำลังย่างเข้าสู่ฤดูหนาว เป็นรีสอร์ทแนะนำเหมาะสำหรับหลีกหนีความพลุกพล่านในเมืองเพื่อเติมพลังอย่างแท้จริง มาต่อนยอนนอนอู้แบบสโลว์ไลฟ์ ไม่ต้องกังวลใจกับงานและเรื่องวุ่นวายทั้งหลายกันดีกว่า
สามารถติดตามข่าวสารและอัพเดทบันทึกการเดินทางกันได้ตามช่องทางข้างล่างครับ
ที่พักแนะนำในคืนนี้ “วีรันดา ไฮ รีสอร์ท เชียงใหม่ (Veranda High Resort Chiang Mai)” ถือว่าเป็นรีสอร์ทในดวงใจแห่งหนึ่งเลย แม้ว่าจะเป็นคนเชียงใหม่ แต่ก็ประทับใจที่นี่มากจนต้องแอบหนีจากบ้านมานอนอยู่หลายครา คราวนี้ถือเป็น “ครั้งที่ 3” แล้วครับ มาทีแรกตั้งแต่เมื่อตอนโรงแรมเปิดใหม่ ช่วงที่ภรรยากำลังท้องลูกชาย จนลูกชายคลอดมีอายุได้ขวบกว่าก็พากลับมานอนเล่น ผ่านไปนานพอสมควร คิดถึงจนต้องกลับมาในวันนี้กันอีกที

รอบก่อนหน้าเคยมาพักห้อง “Deluxe” ทั้งสองวิวไปแล้ว คราวนี้ขอลองอัพเกรดมาพัก “Plunge Pool Pavillion” ซึ่งแอบฝันมานานบ้างดีกว่า เป็นห้องขนาดใหญ่ขึ้นและมีสระว่ายน้ำส่วนตัว พร้อมวิวไร่ชาและนาขั้นบันได ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของรีสอร์ทแห่งนี้ เป็นโซนที่อยู่ไกลออกมาและมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นครับ ภายในห้องจะตกแต่งเรียบง่ายออกไปทางโมเดิร์นด้วยโทนสีไม้ ให้ความรู้สึกการมาพักที่ผ่อนคลาย

ห้องสไตล์นี้ค่อนข้างเหมาะกับคู่ฮันนีมูนหรือเที่ยวแบบครอบครัว เนื่องจากห้องจะมีพื้นที่กว้างขวางแล้ว ยังมีสระว่ายน้ำส่วนตัวที่คู่รักสามารถมีช่วงเวลาพิเศษโดยไม่ต้องกลัวใครรบกวน รวมไปถึงการมาเที่ยวกับครอบครัวที่มีเด็กก็จัดว่าดีงามเช่นกัน ห้องพักออกแบบได้ค่อนข้างอเนกประสงค์ สามารถขอเตียงเสริมมาวางโดยไม่เกะกะ มีพื้นที่ในห้องเหลือเฟือ หรือหากต้องการกอดกันแบบอดอุ่น เตียงขนาด 8 ฟุต ภายในห้อง — “อะไรจะใหญ่เบอร์นั้น” ขยี้ตาแรงๆ อีกทีว่าอ่านไม่ผิด — ก็สามารถนอนเบียดกันได้แบบไม่อึดอัด มีโซนห้องนั่งเล่นสำหรับดูทีวีแยกเป็นสัดส่วน
โดยเฉพาะส่วนห้องน้ำจะกว้างขวางใหญ่มาก แยกส่วนอาบฝักบัวและอ่างอาบน้ำอย่างชัดเจน ภายในห้องน้ำมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน รวมไปถึงชุด “Amenties” ที่จัดให้ครบระดับห้าดาว แต่ชอบสุดเห็นจะเป็นสบู่และแชมพูที่ชอบมากเป็นกลิ่นตะไคร้ หากใครชื่นชอบแบรนด์ “THANN” ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์มีชื่อด้านสปาอยู่แล้ว รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน

ในห้องพักก็จะมีผลไม้ต้อนรับ รวมไปถึงเครื่องทำกาแฟแบบ “Nespresso” รวมไปถึงน้ำดื่มของทางโรงแรมให้บริการฟรี
ในส่วนของรีสอร์ท จะมีห้องพักอยู่ 5 แบบ ได้แก่
Valley Deluxe Escape : ห้องพักหรูหราพร้อมระเบียง ติดกำแพงเมืองเชียงใหม่จำลอง — บนพื้นที่ใช้สอย 58 ตารางเมตร / ห้องพัก 43 ตารางเมตร และระเบียง 15 ตารางเมตร
Valley Deluxe Scenery : ห้องพักหรูหราพร้อมระเบียง ชมวิวนาขั้นบันได ไร่ชา และทิวเขา — บนพื้นที่ใช้สอย 58 ตารางเมตร / ห้องพัก 43 ตารางเมตร และระเบียง 15 ตารางเมตร
Scenery Pavillion : ห้องพักที่มีความเป็นส่วนตัว บรรยากาศเงียบสงบและอบอุ่น พร้อมอ่างจากุซซี่นอกระเบียง — บนพื้นที่ใช้สอย 110 ตารางเมตร / ห้องพัก 78 ตารางเมตร และระเบียง 32 ตารางเมตร
Plunge Pool Pavillion : ห้องพักพร้อมสระว่ายน้ำขนาดย่อมส่วนตัว ให้สัมผัสใกล้ชิดกับนาข้าวขั้นบันไดและไร่ชา — บนพื้นที่ใช้สอย 133 ตารางเมตร / ห้องพัก 88 ตารางเมตร และระเบียง 45 ตารางเมตรPresidential Pool Villa : ห้องพักสำหรับครอบครัว ซึ่งออกแบบให้มีพื้นที่ใช้สอยเพียงพอ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกทันสมัยและครบครัน ทั้งจากุซซี่ส่วนตัวและสระว่ายน้ำกลางแจ้ง — บนพื้นที่ใช้สอย 420 ตารางเมตร
สำหรับรายละเอียด สามารถตามไปอ่านได้ที่เว็บไซต์ของทางโรงแรม — verandaresort.com/verandachiangmai
หมายเหตุ : ช่วงที่ไปพัก ทางโรงแรมกำลังทะยอยปรับปรุงห้องพักเพื่อให้สภาพดีเหมือนใหม่ คาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งหมดก่อนเข้าหน้าไฮปี 2562
ห้องอาหารของโรงแรม มีอยู่สองแห่งให้บริการภายในรีสอร์ท ห้องแรก “The Higher Room” ตั้งอยู่ชั้นบนของอาคาร ถือเป็นจุดชมวิวที่ดีสุดของโรงแรม มีส่วนในห้องติดแอร์และด้านนอกที่สัมผัสธรรมชาติ
ห้องอาหารเปิดบริการช่วงกลางวัน — 06.30 น. ถึง 19.00 น. — รวมไปถึงเป็นห้องอาหารเช้า ที่จัดเตรียมอาหารสไตล์บุฟเฟ่ต์ที่หลากหลาย
ระหว่างวันก็มีอาหารนานาชาติให้บริการ รวมไปถึงเครื่องดื่มสำหรับแขกที่มาสระว่ายน้ำ ซึ่งอาหารสามารถสั่งได้ถึงห้าโมงเย็น ในขณะที่สายดื่มสามารถนั่งชิวและสั่งได้ถึงหนึ่งทุ่มตามเวลาปิดทำการ
นอกจากนี้ ช่วงบ่ายทางโรงแรมจัดชุด “Afternoon Tea” — 750++ บาท เสิร์ฟพร้อมเครื่องดื่มร้อนหรือเย็นสำหรับ 2 ท่าน — ริมสระน้ำบรรยากาศสวยให้บริการ ถึงแม้ว่าไม่ได้เป็นแขกที่มาพักก็สามารถมาแวะทานได้เช่นกัน รวมถึงสระว่ายน้ำ ลูกค้าที่มาจากภายนอกก็สามารถใช้บริการได้ เพียงแต่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ยังไงลองสอบถามรายละเอียดกันอีกทีกับทางโรงแรมโดยตรงกันอีกทีนะครับ
“ห้องอาหารระเบียงชา (Rabiang Cha Restaurant)” อยู่บริเวณส่วนพื้นที่ราบกลางหุบเขาของโรงแรม ที่รายล้อมไปด้วยทุ่งนาและไร่ชา จึงเป็นที่มาของชื่อห้องอาหาร ให้บริการ “อาหารเหนือประยุกต์ (Lanna Thai Fusion Cuisine)” และอาหารตะวันตก จะเปิดเฉพาะช่วงเย็นถึงกลางคืน บรรยากาศโรแมนติกและเงียบสงบมาก ให้บรรยากาศเหมือนทานอยู่ในชนบทด้วยบริการและอาหารระดับห้าดาว โดยเฉพาะช่วงฤดูหนาว เป็นการทานมื้อเย็นพร้อมกับสัมผัสใกล้ชิดกับธรรมชาติ สามารถเลือกทานในห้องติดแอร์ ซึ่งดัดแปลงมาจากยุ้งข้าวเก่า ซึ่งส่วนตัวที่ผ่านมาจะพาลูกมาพักตอนช่วงหน้าฝนตลอด จึงสะดวกนั่งทานอาหารในห้อง มากกว่า เนื่องจากเย็นสบายดีและไม่ต้องคอยกังวลเรื่องแมลงหรือยุง หากมาช่วงฤดูหนาว แนะนำว่าต้องทานแบบเอาท์ดอร์ดีกว่าครับ
พูดถึงเรื่องอาหารการกิน ทุกครั้งเมื่อมาพักจะไม่ค่อยออกไปหาอะไรทานข้างนอก รสชาติถูกปากและค่อนข้างประทับใจทุกครั้ง แต่คืนนี้ขอเปลี่ยนมาลองเมนูแนะนำอย่างพวกอาหารลานนาประยุกต์ ได้แก่ “พาสต้าไส้อั่ว” ดูบ้าง ซึ่งทางพ่อครัวทำออกมาได้เข้ากันอย่างลงตัว มาเชียงใหม่ต้องลอง เมนูนี้หมึกดำฟันธงเป็นการส่วนตัว และก็ปิดท้ายด้วยของหวาน หากมาแล้วนึกไม่ออกว่าจะสั่งอะไร สามารถลอกการบ้านจากภาพปลากรอบด้านล่างเป็นแนวทางได้เลย มื้อนี้อร่อยหมดครับ หรือหากใครชอบทานเนื้อ เคยกินสเต็กตอนมาพักครั้งก่อนๆ ก็จัดว่าดีงามอยู่ครับ สำหรับเด็กก็สามารถสั่งข้าวผัดมาทานได้ด้วยเช่นกัน
“ห้องอาหารระเบียงชา (Rabiang Cha Restaurant)”
เปิดบริการ : 16.00 น. ถึง 23.00 น.

ในส่วนของกิจกรรมห้ามพลาดเมื่อมาพัก นั่นก็คือ ว่ายน้ำที่สระส่วนกลางของรีสอร์ทบนยอดอาคารซึ่งเป็นแบบ “Infinity Pool” พอเห็นสระน้ำแล้วแทบอดใจไม่ไหวอยากลงไปว่ายอย่างแน่นอน เนื่องจากวิวข้างบนนี่สุดฟินจริงๆ รับรองได้เลยว่าในเมืองไทยมีรีสอร์ทเพียงไม่กี่แห่งที่จะมีสระว่ายน้ำพร้อมกับวิวท่ามกลางขุนเขาแบบรอบทิศทาง 180 องศา เหมือนที่นี่ นอกจากนี้ ยังมีห้องฟิตเนสไว้สำหรับแขกที่ชอบออกกำลังกายเป็นประจำอีกด้วยครับ
เหมาะสำหรับการชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า พอทานอาหารเช้าเสร็จก็จุ่มตัวลงไปแช่น้ำ พร้อมชมบรรยากาศขุนเขายามแดดอ่อนๆ บางครั้งโชคดีก็จะเห็นหมอกจางๆ ลอยผ่านไปช้าๆ

ช่วงบ่ายแขกที่มาพักนิยมมาใช้เวลาอยู่บริเวณสระว่ายน้ำ เนื่องจากแดดไม่ร้อนและเหมาะกับการว่ายน้ำ บางทีก็นั่งจิบเครื่องดื่มชิวๆ อยู่ริมสระ รอชมพระอาทิตย์ตกลับแนวทิวเขา พร้อมกับชมวิวจากมุมสูง ซึ่งสามารถมองได้เห็นทั่วบริเวณรีสอร์ท
และที่ขาดไม่ได้ ทางรีสอร์ทมีสปา “Veranda Spa” พร้อมกับวิวสวยๆ สำหรับคนขี้เมื่อยให้มาพักผ่อนคลาย หรือถ้าชอบถ่ายรูป ด้านหน้าสปาจะมีมุมงามๆ ที่ต้องแวะเข้าไปชม
มุมถ่ายรูปอีกแห่งของโรงแรม จะเป็นส่วนศาลาซึ่งจำลองแบบมาจาก “วัดต้นเกว๋น (วัดอินทราวาส)” อันโด่งดัง เมื่อตั้งอยู่ในรีสอร์ท จะเห็นว่าสามารถผสมผสานศิลปกรรมและสถาปัตยกรรมล้านนาของเชียงใหม่กับการออกแบบโรงแรมได้อย่างลงตัว วัดแห่งนี้จะอยู่ระหว่างทางขับรถมายังโรงแรม แนะนำว่าหากมีเวลาก็ควรแวะไปชมความเก่าแก่ของวิหารไม้ทรงพื้นเมืองล้านนาที่ยังคงเอกลักษณ์เดิมให้เห็น ในช่วงงานเทศกาล เช่น วันลอยกระทงหรือสงกรานต์ จะมีการประดับประดาวัดอย่างงดงาม จึงไม่แปลกที่ว่าวัดแห่งนี้ถูกใช้เป็นฉากสำคัญในหนังเกี่ยวกับวัฒนธรรมหรือย้อนยุคของเชียงใหม่อยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะเรื่อง “กลิ่นกาสะลอง” ที่หลังจากออนแอร์ ได้สร้างความคึกคักให้กับวัดนี้เป็นอย่างมาก ที่นักท่องเที่ยวและแฟนละครได้ตามรอยไปชมถึงวันละกว่าพันคน
สำหรับไฮไลท์ของโรงแรมคงหนีไม่พ้นส่วนล็อบบี้ ซึ่งถือว่าเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของที่นี่เลยทีเดียว เป็นจุดถ่ายรูปที่สวยงามมาก โดยเฉพาะยามค่ำคืนเวลาที่ทางเจ้าหน้าที่มาจุดคบเพลิง ให้ความรู้สึกของวิถีชุมชนและชาวบ้านไม่เหมือนกับที่ใด
ช่วงสายก่อนกลับมีโอกาสได้ลงไปเล่นน้ำในสระส่วนตัวเป็นการอำลา หลังจากเมื่อวานช่วงบ่ายไม่ทันได้ลงไปแช่ เป็นสระขนาดไม่ใหญ่มากแต่ก็ถือว่ากำลังพอดี เหมาะสำหรับคู่รักมาเล่นน้ำในบรรยากาศส่วนตัว เห็นวิวธรรมชาติอย่างใกล้ชิด หรือหากมีเด็กเล็กก็เป็นอีกทางเลือก หากต้องการพักผ่อนสบายสบายในห้อง โดยที่ปล่อยให้เด็กเล่นน้ำตามลำพัง แทนที่จะไปว่ายเล่นที่สระส่วนกลาง
สำหรับแขกที่พักห้อง “Plunge Pool Pavillion” หากต้องการ “อาหารเช้าลอยน้ำ (Floating Breakfast)” มาทานแบบเท่ๆ เป็นการส่วนตัว แล้วแชร์สวยลงโซเชียลกัน #ของมันต้องโดน สามารถสั่งแล้วพนักงานจะนำมาจัดเป็นเซ็ตสวยงาม เสิร์ฟกันถึงริมสระน้ำเลยทีเดียว โดยมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม “750 (++) บาท” รวมค่าบริการส่งถึงห้องเรียบร้อย ไม่ต้องเดินไปไกลถึงห้องอาหาร — หากไม่ได้จ่ายอาหารเช้ารวมในแพ็คเกจค่าห้องจะต้องจ่ายเพิ่ม “1,500 (++) บาท” ต่ออาหารเช้าลอยน้ำหนึ่งเซ็ต กรณีต้องการอาหารเสิร์ฟถึงห้องแบบทั่วไปไม่ลอยน้ำ คิดท่านละ “180 (++) บาท” สำหรับค่าบริการส่ง — หากมาพักที่นี่หลายคืน จะลองจัดสักวันก็ไม่เสียหาย โดยเฉพาะคู่ฮันนีมูนไม่ต้องรีบตื่นมาแต่งหน้าเพื่อไปรอตักบุฟเฟ่ต์กัน ถือเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศนอนขี้เกียจรออาหารมาเสิร์ฟ แล้วสัมผัสบรรยากาศทานกันส่วนตัวริมไร่ชากันฟินไปเลย
ยังไงก็ตาม ปกติทานในน้ำไม่สะดวกนักครับ แต่ว่าตอบโจทย์สายถ่ายรูป ถือเป็นความฟินที่ต้องลองสักทีนึงจะได้ไม่ตกเทรนด์ ถ่ายรูปเสร็จก็ยกขึ้นมาทานต่อด้านบนข้างสระน้ำ ซึ่งหน้าหนาวบรรยากาศจะดีงามมากๆ แถมไม่ต้องเดินไปทานไกลถึงห้องอาหาร อาจมีข้อเสียตรงปริมาณอาหารที่จำกัดไม่หลากหลายเท่ากับเดินตักบุฟเฟ่ต์เอง แต่ที่เตรียมมา เห็นแบบนี้ก็เยอะมากจนทานแทบไม่หมดเหมือนกันครับ

การเดินทาง
จากท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ เดินทางตาม “ทางหลวง 108” แล้วแยกเข้า “ทางหลวง 1269” ตามเส้นทางไปอำเภอสะเมิง ใช้ระยะเวลาทั่วไปเพียงประมาณ 30 นาที เท่านั้น
ขอขอบคุณที่ตามอ่านจนจบ และรบกวนช่วยกดไลค์และติดตามกันต่อด้วยนะครับ
เฟสบุ๊ค : http://www.facebook.com/oatenroute
อินสตาแกรม : http://www.instagram.com/oatenrouteขอบคุณทีมงาน “Veranda High Resort Chiang Mai” ที่ต้อนรับอย่างอบอุ่นนะครับ ถืงแม้ว่าจะมาหลายครั้ง แต่ก็ยังประทับใจจนไม่อยากกลับเช่นเคย ไว้มีโอกาสจะกลับไปอีกแน่นอนครับ