หม้อไฟสไตล์ “ไต้หวัน”
— อิ่มอร่อยแบบไต้หวันกันที่ “เว่นติงหม้อไฟ”
มาเที่ยวไต้หวันหากนึกถึงเรื่องกิน ต้องมาลอง “หม้อไฟไต้หวัน” ซึ่งจัดได้ว่าเป็นหนึ่งในเมนูอาหารยอดฮิตของไทเป ซึ่งเมื่อมาแล้วต้องลิ้มลอง สำหรับวันนี้จะพาไปชิม “เว่นติงหม้อไฟ (Wenting Hot Pot, 問鼎 麻辣鍋 養生鍋)” ซึ่งร้านนี้ไม่ได้ให้บริการสไตล์บุฟเฟ่ต์อย่างที่คุ้นเคย แต่เป็นแบบสั่งตามเมนูและเลือกใช้วัตถุดิบชั้นดีคุณภาพสูงทั้งนั้น และยังเสิร์ฟเนื้อระดับ “วากิว A5” รวมไปถึงการตกแต่งร้านที่เน้นหรูหรากว่าเดิมอีกด้วย
ก่อนอื่นขอรบกวนกดติดตามและทักทายกันทาง Facebook กันก่อนนะครับ จะได้ไม่พลาดติดตามข่าวสารกันในตอนต่อไป
Facebook. : http://www.facebook.com/oatenroute
Instagram : http://www.instagram.com/oatenroute
เวลามาเที่ยวไต้หวัน อันดับแรกๆ ที่มักจะนึกถึงก่อนเห็นจะเป็น “เรื่องกิน” พอหลับตาก็จะมีแต่ภาพอาหารแนวสตรีทลอยมาแต่ไกล เมนูที่ต้องไปโดน ได้แก่ ชานมใส่มุก เสี่ยวหลงเปา เต้าหู้เหม็น ไข่ต้มใบชา เป็นต้น ทุกอย่างที่พูดมาเป็นรายการชึ้นชื่อแสนอร่อยทั้งนั้น แต่วันนี้อยากพาไปทาน “ชาบูชาบู” ที่มีน้ำซุปรสเด็ด จนเป็นที่รู้จักกันทั่วไปว่า “หม้อไฟไต้หวัน” หรือ “Taiwan Hot Pot (台湾火锅)” — ออกเสียงประมาณว่า “ไถวันฮั่วกัว (táiwān huǒguō)” — ที่สาวกสายจุ่มห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง จุดเด่นของหม้อไฟสไตล์ไต้หวันเห็นจะเป็นตัวน้ำซุปที่หลากหลาย และน้ำซุปยอดนิยมขึ้นชื่อคงหนีไม่พ้น “น้ำซุปหม่าล่า” ที่ซดวันนี้ลิ้นชาถึงชาติหน้า จนขึ้นชื่อเป็นเมนูยอดนิยมของไทเปที่ต้องลิ้มลองเด็ดขาด
(ความเดิมจากตอนที่แล้ว)
“ไต้หวัน” ครั้งแรกแบบครบรส
— เที่ยวบินปฐมฤกษ์เส้นทางใหม่กับสายการบิน “แอร์เอเชีย” : ออกเดินทางจาก “เชียงใหม่” บินตรงสู่ “ไทเป”
https://oatenroute.com/2018/10/28/0105027/
สำหรับมื้อเย็นนี้จะพาไปตะลุยกินที่ “Wenting Hot Pot” ซึ่งเป็นร้านในเครือของ “หม่าล่าหม้อไฟ (Mala Hot Pot, 馬辣頂級鴛鴦火鍋)” เจ้าประจำของชาวไทยนั่นเอง แต่ร้านนี้ไม่ได้บริการสไตล์บุฟเฟ่ต์เหมือนแบรนด์หลักอย่างที่คุ้นเคย แต่เปลี่ยนเป็นสั่งตามเมนูแทน ซึ่งทางร้านเลือกใช้วัตถุดิบชั้นดีคุณภาพสูงระดับพรีเมียมขึ้นไป โดยเฉพาะกุ้งตัวใหญ่ หอยเชลล์ รวมไปถึงเนื้อสัตว์เกรดสูงอย่าง “วากิว A5” อีกด้วย ร้านที่ไปตั้งอยู่ใกล้โรงแรมพอดี เป็น “สาขาซีเหมิน (Ximen Branch, 西門店)” ซึ่งเปิดบริการมาตั้งแต่ “เดือนตุลาคม 2017” นี้เองครับ
“Wenting Hot Pot (問鼎 麻辣鍋 養生鍋)”
Website : http://www.wending.com.tw/en/
Facebook : http://www.facebook.com/wentinghotpot/
หากเคยทานสไตล์หม้อไฟสไตล์บุฟเฟ่ต์มาก่อน อาจรู้สึกได้ว่าบรรยากาศเปลี่ยนไป แลดูไม่แออัดเหมือนเคย เนื่องจากลูกค้าที่มาทานไม่ต้องเดินกันขวักไขว่ตักอาหาร ยกเว้นตอนเดินมาตักเครื่องปรุงและไอติม เท่านั้น
ระหว่างที่รอจัดเตรียมโต๊ะอาหาร ก็ขอพาทัวร์รอบร้านกันก่อนดีกว่า บริเวณด้านหน้าก็จะมีการประดับตกแต่งให้ได้บรรยากาศแบบจีนๆ แบบย้อนยุค อารมณ์เหมือนมโนว่าทานมื้อค่ำอันหรูหราประหนึ่งเป็นจักรพรรดิของจีนสมัยโบราณ รวมไปถึงอุปกรณ์ที่จะนำมาใช้สำหรับทานก็มีการนำมาจัดวางโชว์ไว้ในตู้ ซึ่งหม้อไฟร้านนี้ก็ต้องหรูหราสมเกียรติกันสักเล็กน้อย ทุกอย่างทำมาจากเงินแท้ เริ่มจากหม้อไฟ ช้อนตัก ช้อนลวก รวมไปถึง จอกกินน้ำ ที่ยิ่งไม่ธรรมดา เห็นแล้วนึกถึงจอกที่เวลาฮ่องเต้หรือขุนนางในหนังกินเหล้าเลยทีเดียว ลำพังราคาหม้อไฟเพียงชิ้นเดียวก็ตก “60,000 NTD” แล้ว ช่างเลอค่าเหลือเกินครับพี่น้อง ทั้งหมดนี้ทางร้านจัดมาเป็นพิเศษเพื่อลูกค้าโดยเฉพาะ เพื่อให้รู้สึกว่ากำลังทานมื้อเย็นอยู่ในพระราชวังของจีน เป็นงานดีไซน์โดย “Lili Yang” ศิลปินดัง
ในกรณีที่ลูกค้าเยอะทำให้ต้องรอคิวนาน ทางร้านมีบริการเสริมหลายอย่าง ทั้งนวดแก้เมื่อยและทำเล็บให้สาวๆ โดยเป็นอภินันทนาการสำหรับแขกที่มาทาน เท่านั้น รวมไปถึง “Emperor Cosplay” ชุดเครื่องแต่งกายคอสเป็นฮ่องเต้กับฮองเฮาแบบจัดเต็มทั้งผู้ใหญ่และเด็ก
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เริ่มเข้าหมวดของกินกันเลยดีกว่า ซึ่งร้านนี้จัดวัตถุดิบเครื่องปรุงไว้มากมายกว่า 30 ชนิด สำหรับทำน้ำจิ้มรสชาติพิเศษไม่เหมือนใคร (ไม่รู้จะเยอะไปไหน แต่ชอบมากเลยครับ) ให้ลูกค้าเลือกนำมาปรุงหรือผสมกันตามใจชอบ แนะนำว่าให้เลือกใส่เท่าที่จำเป็นดีที่สุดครับ อันนี้ลองผสมประมาณ 3 สูตร (แบบน้ำจิ้มเสี่ยงทาย) อร่อยอยู่แบบเดียวที่เหลือพังหมดจนไม่อร่อย ต้องกลับมาปรุงแบบธรรมดาพื้นๆ เพราะเวลาส่วนผสมมันปนกันแล้วรสชาติจะตีกันมั่วไปหมด หลักๆ
หลังจากไม่ค่อยประสบความสำเร็จกับการปรุงน้ำจิ้มนัก จึงสอบถามจากทางร้าน ได้รับคำแนะนำว่าชาวไต้หวันนิยมปรุงน้ำจิ้มด้วย ซีอิ๊วขาว ซอสเอ็กซ์โอ กระเทียม ต้นหอม และพริกสด หรือโดยทั่วไปสำหรับเนื้อก็ปรุงน้ำจิ้มที่ออกรสเค็ม ส่วนอาหารทะเลก็ออกเปรี้ยวเหมือนบ้านเรานั่นเอง

“เกี๊ยวไข่ไส้หมูสับ (Egg Dumpling)” เชฟจะทำให้ชมกันแบบสดๆ โดยเอาไข่มาห่อหมูสับบนเตาที่หน้าตาคล้ายกระทะขนมครก แต่อันนี้ลองชิมแล้วส่วนตัวรู้สึกเฉยๆ จานเด็ดสุดต้องยกให้เนื้อระดับเทพและอาหารทะเลแสนสดครับ
เมื่อนึกถึงเนื้อก็ต้องพามาดูตู้แช่ที่ “บ่มเนื้อ (Beef Aging)” กัน เนื้อของทางร้านจะมีการบ่มไว้ในตู้แช่ควบคุมอุณหภูมิ ซึ่งมีโชว์ให้เป็นตัวอย่างบริเวณด้านหน้า เนื้อจะถูกห่อเก็บไว้ที่อุณหภูมิ 0 องศา เป็นเวลา 21 วัน จึงจะพร้อมเสิร์ฟ ใช้เอนไซม์เป็นตัวช่วยย่อยให้เนื้อนุ่มและหวานขึ้นด้วย ซึ่งมีเนื้อระดับเทพหลายเกรด ยกตัวอย่างเช่น “M7 Wagyu Beef – Australia” และ “Miyazaki A5 Wagyu Beef ” เป็นต้น
“รู้หมือไร่” สาระน่ารู้เกี่ยวกับการบ่มเนื้อสัตว์
“การบ่มเนื้อ (Beef Aging)” เดิมทีเริ่มมาความต้องการถนอมอาหารให้เนื้อสามารถเก็บไว้ได้นานขึ้น โดยมีที่มาจากการแขวนเนื้อสัตว์ที่ผ่านการชำแหละมาแขวนทิ้งไว้ในห้องที่มีอุณหภูมิต่ำประมาณ 1-5 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 14-21 วัน ซึ่งต่อมาภายหลังจึงพบว่าวิธีการนี้ทำให้เนื้อนุ่มและรสชาติดีขึ้นอีกด้วย เนื่องจากเอนไซม์ที่มีอยู่ในเนื้อสัตว์จะย่อยเส้นใยโปรตีนกล้ามเนื้อ จึงทำให้เนื้อมความนุ่มเพิ่มมากขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม วิธีดังกล่าวข้างต้นซึ่งเรียกว่า “การบ่มแห้ง (Dry-Aged)” เมื่อเวลาผ่านไป น้ำที่แทรกตามผิวเนื้อจะระเหยไป ส่งผลให้เนื้อมีสีเข้มขึ้นตามมา ทำให้เนื้อที่ผ่านกระบวนการสูญเสียเนื้อส่วนที่กินได้ถึง 70% ต้องชำแหละทิ้งไป เหลือเพียงส่วนคุณภาพสูงเพียง 30% ที่รสกลมกล่อมอร่อย หอมเข้มข้น และมีลักษณะนุ่ม ต่อมาจึงได้มีการพัฒนาด้วย “การบ่มแบบ Wet-Aged” โดยใช้การห่อเนื้อเก็บไว้ในตู้เย็น ซึ่งข้อดีก็คือไม่มีการควบคุมการระเหยของน้ำ จึงมีการสูญเสียปริมาณเนื้อที่น้อยลงตามมานั่นเอง


มาถึงเรื่องของน้ำซุปกันบ้าง ทางร้านมีสูตรลับเฉพาะ เป็นการผสมผสานระหว่างรสเผ็ดร้อนจัดจ้าน ความหอม และรสหวานไวด้วยกัน โดยกว่าจะทำน้ำซุปสำเร็จออกมาได้ ต้องตุ๋นเนื้อและเอ็นนานถึง 3 ชั่วโมง ซึ่งต้นทุนสูงกว่าน้ำต้มกระดูกทั่วไป เพื่อแลกกับน้ำซุปรสชาติอันสุดยอด
ในแต่ละหม้อทางร้านแบ่งเป็น 2 ช่อง เหมือนบ้านเรา ดังนั้นสามารถเลือกซุปได้ 2 ชนิด จากทั้งหมด 5 ชนิด ซึ่งซุบ “Spicy Hot Pot” หรือที่รู้จักกันว่า “ซุปหม่าล่า” จัดว่าเป็นซุปแนะนำของร้านที่ลูกค้ามักจะเลือกอยู่เสมอ


ลูกชิ้นทะเลปั้นมือ เมนูนี้ประกอบด้วยอาหารทะเล 4 อย่าง ทำจาก กุ้ง ปลาหมึก หอยเชลล์ เป๋าฮื้อ จานนี้ได้ชิมอย่างละนิดละหน่อย แต่อร่อยทุกอย่างครับ มีเลือกสั่งแยกจานละ “198 NTD” แต่สั่งรวมจะคุ้มกว่าและได้ทานหลายอย่างครบรสในราคา “298 NTD” แต่ลูกเล็กกว่าสั่งแยกจานเดี่ยว โดยรวมอร่อยดีแต่น้อยไปกินไม่ค่อยจุใจนัก

สายเกี๊ยวก็มี “เกี๋ยวห่อมือ” ทำเองสดๆ จานนี้ก็อร่อยใช้ได้ แต่ส่วนตัวแล้วจานนี้ไม่พิเศษนัก มีเกี๊ยวเสฉวน เกี๊ยวปลา รวมไปถึงเกี๊ยวไข่ที่พึ่งไปชมพ่อครัวทำให้ชมสดๆ ด้วย

เห็ดที่ทางร้านนำมาเสิร์ฟ จะเป็นเห็ดที่ยังมีชีวิตอยู่ โดยทางร้านจะนำมาวางทั้งต้น โดยใส่ภาชนะและห่อมาอย่างน่าทาน เวลาทานก็ตัดกันสดๆ แล้วค่อยนำไปลวกในหม้อ ดังนั้นจึงรับประกันได้เลยว่า “เห็ดสด” จริงแท้แน่นอน

อาหารทะเลมีหลากหลายน่าทานมาก จากที่ดูเป็นชุดกลางซึ่งมีอาหารทะเลสด 7 ชนิด หากเป็นชุดแรงสุดจะเป็นกุ้งใหญ่กว่านี้หากสนใจลองได้เช่นกัน เสียดายอันนี้อยู่ไกลมือไปนิด มัวแต่ฟินกับเนื้อที่อร่อยมากจนไปไม่ถึง แต่สอบถามเพื่อนที่ร่วมทริปบอกว่าจานนี้จัดว่าเด็ดเช่นกัน หากชอบทานอาหารทะเลต้องมีสักจานมาลองครับ

สำหรับคนที่ไม่ทานเนื้อ มีจานหมูเกรดเอ “Matsusaka Pork” เมนูนี้ก็อร่อยดี แล้วก็เนื้อนุ่มสไลด์บางกำลังดีเลยครับ อันนี้เสิร์ฟมาหลายรอบเพราะหมดอย่างรวดเร็วครับ

เมนูเนื้อจานถัดมาเป็น “Beef Platter 18 oz” (698 NTD) — U.S. Choice Short Ribs (5 oz) / U.S. Choice Flank Beef (5 oz) / U.S. Angus Beef (8 oz) — เป็นเมนูแนะนำที่จะได้ลองชิมเนื้อหลายๆ แบบในจานเดียว
“Kagoshima A5 Wagyu Beef” เป็นเมนูสุดยอดสำหรับมื้อค่ำนี้ เนื้อที่เสิร์ฟมีมันแทรกอยู่ในทุกอนู สุดแสนละมุนลิ้นพร้อมละลายทันทีเมื่อคีบเข้าปาก เวลาลวกให้จุ่มไปในน้ำซุปเพียง “3 วินาที” ทานเนื้อจานนี้เสร็จก็ถือว่าเป็นอันเสร็จภารกิจมื้อนี้อย่างสมบูรณ์ อร่อยจริงสมราคา “เนื้อวากิวระดับ A5” อย่างแท้ทรู ด้วยสนนราคาจานละ “1,580 NTD” เบ็ดเสร็จเรียบร้อยสองจานฟินเป็นที่สุดครับ

ทานเสร็จต้องล้างปากด้วยของหวาน ซึ่งเป็นของแถมส่งท้ายสำหรับลูกค้าที่มาทานโดยเฉพาะ ความจริงอิ่มจนทานอะไรต่อไม่ไหวแล้ว แต่ทางร้านมี “Häagen-Dazs” มาให้เลือกถึง 16 รส เยอะจนเลือกไม่ถูกว่าจะทานอันไหนก่อนดี ถือว่าเป็นการปิดท้ายมื้อนี้อย่างดีงามจริงๆ ทางหม้อไฟเสร็จห้ามพลาดไอติมนะครับ
ก่อนกลับมีโอกาสได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกด้วย ทางร้านบอกว่าจะเอาไปรวมเป็น “Hall of Fame” ยังไงกลับไปรอบหน้าต้องแอบไปดูสักหน่อย เผื่อว่าจะได้ไปกระทบไหล่คนดังกับเขาบ้างครับ
“ฟรี” อภินันทนาการสำหรับลูกค้าทุกท่าน
ถึงแม้ว่าร้านหม้อไฟสาขานี้จะไม่ได้ให้บริการบุฟเฟ่ต์ แต่ก็มีบริการฟรีหลายอย่างมากมายจากทางร้าน ดังนี้
- ซอสเครื่องปรุง : มีวัตถุดิบมากถึง “30 ชนิด” เพื่อนำมาผสมปรุงรสเป็นน้ำจิ้มชั้นเลิศสำหรับลูกค้าตามใจชอบ สามารถเติมได้ไม่จำกัด
- บริการทำเล็บ : บริการทำเล็บที่ร้านหม้อไฟเป็นเหมือนอะไรที่ไม่น่าไปด้วยกันได้ แต่ทางร้านมีช่างไว้รอทำสีเล็บ หรือลวดลายสวยๆ กับผลิตภัณฑ์ “OPI” (แบรนด์อันดับหนึ่งจากอเมริกา) สำหรับลูกค้าโดยเฉพาะ
- บริการนวด : ทางร้านให้บริการเก้าอี้นวด “โตกูโย (Tokuyo)” ซึ่งเป็นแบรนด์ดังจากไต้หวัน การันตีด้วย “รางวัลผลิตภัณฑ์ยอดเยี่ยมของไต้หวัน (Taiwan Excellence Award)”
- ชุดแต่งกายฮ่องเต้ : ลูกค้าของทางร้านสามารถใส่ชุด “Emperor Cosplay” ซึ่งทางร้านได้จัดเตรียมให้ลูกค้าแปลงโฉมเป็นฮ่องเต้หรือฮองเฮา ย้อนยุคเข้ากับบรรยากาศของร้าน
- งิ้วเปลี่ยนหน้า : ระหว่างทานทางร้านจะมีการแสดงโชว์พิเศษอันโด่งดังของ “เสฉวน (Sichuan, 四川)” รู้จักกันว่า “งิ้วเปลี่ยนหน้าเสฉวน” หรือ “เสฉวนเปี้ยนเหลี่ยน (Sichuan Bian Lian, 川剧变脸)” โดยนักแสดงสามารถเปลี่ยนหน้ากากสีสันฉูดฉาดอย่างรวดเร็วจนมองแทบไม่ทัน ซึ่งเป็นงิ้วพื้นเมืองที่มีประวัติอันยาวนานกว่า 300 ปี
- ไอศกรีม : ให้บริการไอติม “Häagen-Dazs” ฟรี ให้เลือกถึง 16 รส ตามใจชอบแบบไม่อั้น

“Wenting Hot Pot – Ximen Branch, (問鼎 麻辣鍋 養生鍋 – 西門店)”
ที่ตั้ง : No. 157, Xining South Road, Wanhau District, Taipei City, Taiwan 108
หมายเลขโทรศัพท์ : (+886) 02 2311 1721
เวลาเปิดทำการ : 11.30 น. ถึง 02.00 น. — ช่วงนี้อาจเปลี่ยนแปลงเวลาปิดให้บริการชั่วคราวเป็น 24.00 น. โดยต้องเข้าร้านก่อนเวลา 22.00 น.
การเดินทางไปไต้หวันเดี๋ยวนี้สะดวกสบาย สายการบิน “แอร์เอเชีย” ได้เปิดเส้นทางใหม่ล่าสุด ซึ่งออกเดินทางจากสนามบินนานาชาติเชียงใหม่ ตรงสู่จุดหมาย “ไทเป (Taipei, 台北)” เป็นการกลับมาอีกครั้งกับปลายทางยอดฮิต หลังจากที่เคยบินตรงจากกรุงเทพก่อนยกเลิกไป
รายละเอียดเที่ยวบิน (อัพเดท เดือนตุลาคม 2561) :
FD 242 : CNX – TPE / 21:20 – 02:00 (+1) — Duration : 3h 40m
FD 243 : TPE – CNX / 02:30 – 06:00 — Duration : 4h 30mเปิดให้บริการ 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ (ออกเดินทางจากเชียงใหม่วันอังคาร พุธ ศุกร์ และอาทิตย์)
สำหรับการเดินทางในครั้งนี้
ขอขอบพระคุณ สายการบิน “แอร์เอเชีย” ผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ คอยอำนวยความสะดวกในทุกเรื่องตลอดการเดินทาง หวังว่าโอกาสหน้าคงจะได้ร่วมทริปด้วยกันอีกครับ
Special thanks to “New Taipei City Government (新北市政府市)” for the warm welcome and hospitality. Thanks to “Tripool (旅步)” for supporting us the convenient transportation during the trip around Taiwan. Thanks to “Youngquan Hotel” and “Westgate Hotel” while staying at Sun Moon Lake and Taipei City. Thanks to “Wenting Hot Pot (問鼎 麻辣鍋 養生鍋)” for the superb and unforgettable dinner.
(ความเดิมจากตอนที่แล้ว)
“ไต้หวัน” ครั้งแรกแบบครบรส
— เที่ยวบินปฐมฤกษ์เส้นทางใหม่กับสายการบิน “แอร์เอเชีย” : ออกเดินทางจาก “เชียงใหม่” บินตรงสู่ “ไทเป”
https://oatenroute.com/2018/10/28/0105027/
“ไต้หวัน” ชมธรรมชาติ
— การเดินทางอันแสนสะดวกกับ “ทริปพูล”https://oatenroute.com/2018/11/11/0105028/
“NOW SHOWING”