“ไต้หวัน” เที่ยวท่องธรรมชาติ
— การเดินทางอันแสนสะดวกกับ “ทริปพูล”
หลังจากตอนที่แล้วพาเที่ยวไต้หวันกันแบบครบรสแล้ว วันนี้จะชวนเจาะลึกช่วงที่ออกไปเที่ยวนอกเมือง “ไทเป (Taipei, 台北)” เน้นธรรมชาติ หลีกหนีความวุ่นวายในเมือง โดยนอนค้างกันที่เมืองตากอากาศชื่อดังริม “ทะเลสาบสุริยันจันทรา (Sun Moon Lake,日月潭)” และปีนเขา “เหอหัวซาน (Hehuanshan, 合歡山)” ซึ่งเป็นภูเขาที่สูงสุดของไต้หวันอีกด้วยครับ
รบกวนกดติดตามและทักทายกันทาง Facebook ด้วยนะครับ จะได้ไม่พลาดติดตามข่าวสารกันในตอนต่อไป
Facebook. : http://www.facebook.com/oatenroute
Instagram : http://www.instagram.com/oatenroute
โดยทั่วไปแล้วการเดินทางระหว่างเมืองที่นิยมสุดเห็นจะหนีไม่พ้นรถไฟและรถไฟความเร็วสูง ซึ่งจะผ่านเส้นทางตัวเมืองสำคัญรอบเกาะ แต่ไม่ครอบคลุมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ทั้งหมด จึงต้องใช้การเดินทางร่วมกับรถบัส ซึ่งบางครั้งอาจต้องต่อเส้นทางหลายทอด สำหรับทริปนี้ได้มีโอกาสลองใช้บริการกับ “Tripool (旅步)” ซึ่งให้บริการรถยนต์โดยสารส่วนตัวมารับถึงโรงแรมที่พัก เพื่อไปยังจุดหมาย “ทะเลสาบสุริยันจันทรา (Sun Moon Lake / 日月潭)” เป็นเรื่องที่สะดวกและง่ายขึ้น
(ความเดิมจากตอนที่แล้ว)
“ไต้หวัน” ครั้งแรกแบบครบรส
— เที่ยวบินปฐมฤกษ์เส้นทางใหม่กับสายการบิน “แอร์เอเชีย” : ออกเดินทางจาก “เชียงใหม่” บินตรงสู่ “ไทเป”https://oatenroute.com/2018/10/28/0105027/
เช้านี้เมื่อถึงเวลาที่นัดหมายหลังอาหารเช้า ก็ได้เวลาออกเดินทางสู่เป้าหมายแรก “ทะเลสาบสุริยันจันทรา” ซึ่งจะใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์ประมาณ 3 ชั่วโมง โดยทาง Tripool ได้เลือกรถ “Volkswagen Caravelle” รถตู้เอนกประสงค์ เหมาะสำหรับผู้โดยสาร 4-8 คน พร้อมกระเป๋าเดินทาง มาเป็นยานพาหนะสำหรับการเดินทางครั้งนี้ ซึ่งปกติแล้วทางบริษัทจะจัดเตรียมพาหนะที่เหมาะสม
“ทริปพูล (Tripool, 旅步)”
คือ ยานพาหนะรับส่งแบบ “ส่วนตัว” ถึงหน้าประตู สามารถรับส่งได้ทุกแห่งในไต้หวัน โดยใช้เวลาการเดินทางรวดเร็วเหมือนใช้บริการรถ Taxi แต่จ่ายในราคา Shuttle Bus และสะดวกกว่ารถโดยสารประจำทาง — ดั่งสโลแกน “Taxi Time, Shuttle Price” — ซึ่งบริษัทได้รับการอนุมัติจาก “สำนักงานการท่องเที่ยวไต้หวัน (Taiwan Tourism Bureau)”
รายละเอียดเพิ่มเติม : http://www.tripool.app
สามารถอ่านขั้นตอนการจองและบทสรุปเกี่ยวกับ Tripool ท้ายด้านล่างครับ
ระหว่างทางก่อนถึง “เมืองไทจง (Taichung City, 臺中市)” — เมืองใหญ่อันดับสองของไต้หวัน ตั้งอยู่บริเวณตอนกลางของประเทศ — คนขับแวะทำกิจธุระที่จุดพักรถ เลยมีโอกาสได้ลงไปเดินยืดเส้นยืดสายนิดหน่อย บริเวณจุดพักนอกจากมีห้องน้ำ ก็ยังมีร้านอาหาร รวมไปถึงร้านสะดวกซื้อที่มีทั้งขนมและของกินขาย และที่ตามมาถึงนอกเมืองก็ยังมี “ตู้คีบ” ของเล่นยอดนิยมของชาวไต้หวันอีกด้วย


จากไทเปใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง พอมาถึงทะเลสาบสุริยันจันทราก็ได้เวลาอาหารเที่ยงพอดี จึงแวะทานร้านอาหารบริเวณที่พักในคืนนี้ ซึ่งจะอยู่บริเวณ “Ita Thao (伊達邵)” ชุมชนเล็กๆ ริมทะเลสาบ ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ มีโรงแรมทั้งเล็กและใหญ่ ร้านอาหาร ร้านค้า และร้านสะดวกซื้อ อย่างครบครัน หากต้องการขึ้นกระเช้าชมวิวก็ต้องมาลงที่ท่าเรือแถวนี้
“Ita Thao (伊達邵)”
เป็นจุดกำเนิดของ “Thao” หนึ่งในชนเผ่าพื้นเมืองดั้งเดิมของไต้หวัน — หรือที่เรียกกันว่า “Aborigin” — ซึ่งมีตำนานเล่าว่า บรรพบุรุษของชนเผ่านี้เดินทางมาจากบริเวณ “อาลีซาน (Alishan, 阿里山)” แล้วอยู่มาวันหนึ่ง กลุ่มนักล่าสัตว์ของชนเผ่าได้พบกวางสีขาว และออกตามล่าอยู่เป็นเวลาหลายวันจนมาถึงทะเลสาบอันแสนไกลแห่งนี้ อันเต็มไปด้วยปลาและน้ำท่าอุดมสมบูรณ์ จึงได้กลับไปที่หมู่บ้านแล้วชักชวนชาวบ้านทั้งเผ่าย้ายถิ่นฐานมาตั้งรกรากอยู่ที่ทะเลสาบสุริยันจันทราอย่างเช่นทุกวันนี้
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันเหลือชนเผ่าดั้งเดิมรอบทะเลสาบอยู่ไม่ถึง 800 คน ซึ่งใกล้สูญพันธุ์ เป็นชนเผ่าสำคัญที่ได้รับการอนุรักษ์จากรัฐบาลไต้หวัน ถือว่าเป็นชนเผ่าที่เล็กที่สุด จากที่มีทั้งหมด 16 ชนเผ่า
มื้อเที่ยงนี้จะเป็นร้านอาหารของชนพื้นเมือง ซึ่งได้ลองสั่งเป็นหม้อไฟหลากหลายเมนู รวมไปถึงเนื้อหมูป่าด้วย แต่ซุปจะไม่ค่อยเหมือนหม้อไฟไต้หวันมื้อเช้าที่โรงแรมนัก อันนี้น้ำซุปจะออกแนวใสและค่อนข้างจืดกว่า
จากร้านอาหารก็จะเดินไปกันที่ท่าเรือข้ามฟาก แถวนี้เหมือนเป็นหมู่บ้านเล็กๆ สามารถเดินทั่วเมืองได้สบายโดยไม่ต้องใช้รถยนต์ สองข้างทางก็จะมีกลิ่นหอมโชยมาตลอด เมืองนี้ขึ้นชื่อเรื่องอาหารริมถนนพอสมควร แค่เดินไปกินไปก็อิ่มแล้วครับ
การท่องเที่ยวรอบทะเลสาบยอดนิยมและสะดวก คือ นั่งเรือข้ามฟาก ซึ่งสามารถซื้อตั๋วแบบเหมาวันก็ได้ หรือรถประจำทางก็มีจอดตามป้ายต่างๆ สำหรับขาปั่นแล้ว แนะนำว่าเส้นทางรอบทะเลสาบสุริยันจันทรา ขึ้นชื่อว่าเป็นเส้นทางที่สวยงามแห่งหนึ่งเลย มีทั้งเนินขึ้นลงให้ปั่นกันเพลิน แต่ถ้าอยากสบาย บางคนก็เช่าจักรยานยนต์ประหยัดแรงได้บรรยากาศไปอีกแบบ
สำหรับทริปนี้ จากความเห็นส่วนตัวคิดว่าการมาเยือนทะเลสาบสุริยันจันทราค่อนข้างเฉยๆ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะช่วงกลางวันอากาศร้อนเอาเรื่องทีเดียว ช่วงฤดูหนาวอากาศน่าจะเย็นสบายและเที่ยวสนุกกว่า แนะนำว่าหากเป็นไปได้ ควรเลือกช่วงต้นเดือนกุมภาพันธุ์ซึ่งตรงกับฤดูใบไม้ผลิ ดอกซากุระจะผลิบานสีชมพูไปทั่วบริเวณ หรือหากต้องการชมหิ่งห้อย สามารถมาได้ตอนเดือนพฤษภาคม
จากนั้นข้ามฟากไปยัง “Shuishe PIer” ซึ่งค่อนข้างคึกคัก มีร้านอาหารและโรงแรมหรูมากมาย รวมไปถึงสถานที่พำนักเดิมของ “ประธานาธิบดีเจียงไคเชก” ที่ปัจจุบันกลายเป็นโรงแรมหรูห้าดาวระดับต้นๆ ของทะเลสาบสุริยันจันทรา ซึ่งบริเวณริมทะเลสาบหน้าโรงแรมก็จะเป็นเส้นทางเดิน มีป้ายเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ระหว่างช่วงที่ประธานาธิบดีเจียงไคเชกยังมีชีวิตอยู่

เส้นทางเดินริมทะเลสาบแถวนี้จะเริ่มเห็นใบไม้เปลี่ยนสีบ้าง ช่วงนี้ยังไม่ชัดสักเท่าไหร่ เห็นว่าช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนบริเวณกระเช้าจะมีให้เห็นสวยงามประมาณหนึ่ง แต่คงไม่ได้เป็นที่นิยมเท่ากับตอนดอกซากุระบานในช่วงใบไม้ผลิ อย่างไรก็ตาม ช่วงฤดูร้อนประมาณพฤษภาคม แถวนี้ถือเป็นหนึ่งในเส้นทางชมหิ่งห้อยยอดนิยมเลยทีเดียว
เดินเล่นพอได้เหงื่อ ก็ได้เวลานั่งเรือต่อไปยังจุดสุดท้าย “Xuanguang Pier” ซึ่งเป็นที่ตั้งของ “Xuanguang Temple (玄光寺)” ต้องขึ้นบันไดไปด้านบนประมาณ 170 เมตร แต่ก่อนอื่นอย่าลืมแวะชิม “ไข่ต้มใบชา” อันเลื่องชื่อที่ร้านด้านล่างด้วยครับ เห็นเพื่อนแวะชิมแล้วบอกรสชาติไม่เลวทีเดียว ด้านบนเป็นวัดซึ่งแต่เดิมเคยเก็บอัฐิของพระถังซัมจั๋งหลังจากที่กองทัพญี่ปุ่นนำไปจาก “หนานจิง (Nanjing, 南京市)” ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อนถูกนำกลับมาไต้หวันแล้วประดิษฐานไว้ช่วงหนึ่งเมื่อปี 1955 จนกระทั่งย้ายไปเก็บที่ “Xuanzang Temple (玄奘寺)” ซึ่งสร้างเสร็จในปี 1965 นับแต่นั้นเป็นต้นมา แต่อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวก็ยังนิยมมาสักการะองค์พระถังซัมจั๋งบนวิหารหลักเรื่อยๆ
เมื่อดูแล้วเวลาเหลือเฟือ จึงนั่งรถต่อไปยัง “เจดีย์ฉืออาน (Ci En Pagoda, 慈恩塔)” ตั้งใจว่าจะขึ้นไปชมแสงสุดท้ายจากบนยอดเจดีย์ ซึ่งถือได้ว่าเป็นจุดชมวิวแบบ 360 องศา ที่จัดว่างดงามสุดในบริเวณรอบทะเลสาบ ปกติแล้วองค์เจดีย์จะปิดให้บริการเวลา 16.30 น. แต่วันนี้ยังคงเห็นนักท่องเที่ยวขึ้นไปชมอยู่เรื่อยๆ ก็เลยตามกันขึ้นไป จนกระทั่งช่วงพระอาทิตย์ตกก็จะมีเจ้าหน้าที่ขึ้นมาตาม แต่ก็ใจดีอนุโลมให้ถ่ายรูปกันต่อสักครู่นึงจนกระทั่งพระอาทิตย์ลับเหลี่ยมเขาไป ระหว่างทางที่เดินไปเจดีย์ค่อนข้างไกลและเป็นเส้นทางขึ้นเขาบ้าง ทำเอาต้องหยุดพักเหนื่อยเป็นระยะเหมือนกัน
“เจดีย์ฉืออาน (Ci En Pagoda, 慈恩塔)”
สร้างขึ้นในปี 1971 โดยประธานาธิบดี “เจียงไคเช็ก (Chiang Kai-Shek, 蔣中正)” เพื่อรำลึกถึงมารดา มีความสูง 46 เมตร เป็นแลนด์มาร์คและจุดชมวิวที่งดงามของทะเลสาบสุริยันจันทรา
เส้นทางเดินสู่เจดีย์ยาวกว่า 700 เมตร ในช่วงฤดูร้อนประมาณปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม ถือว่าเป็นหนึ่งในเส้นทางชมหิ่งห้อยยามค่ำคืนที่น่าสนใจ บริเวณโดยรอบองค์เจดีย์เต็มไปด้วยต้นบ๊วย (พลัมจีน) ช่วงปลายปีนักท่องเที่ยวนิยมมาชมความงามของดอกบ๊วยอีกด้วย
มื้อเย็นย้อนกลับมาทานกันที่ “Ita Thao” เห็นร้านนี้คนเยอะอยู่เหมือนกัน ปลานึ่งอร่อยทีเดียว แต่ที่น่าทานอีกอย่างก็เป็นเมนูไก่ทอดยัดไส้ ด้านในเป็นข้าวเหนียวล้วนๆ ถือว่าเป็นอาหารดั้งเดิมของชนเผ่า หากสนใจสามารถหาทานได้ที่ร้านดังข้างทางเพียงหนึ่งเดียวในเมืองได้เช่นกัน คนไทยชอบแวะซื้อทาน แต่ส่วนตัวรู้สึกว่าไส้ข้างในรสชาติค่อนข้างจืดไปเพราะมีแต่ข้าวเหนียว จึงชอบแกะทานแต่หนังที่กรอบอร่อยจริงโดยเฉพาะตอนทอดเสร็จใหม่ๆ
ช่วงกลางคืนกลับถึง “Youngquan Hotel (湧泉民宿)” ที่พักซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก ใช้เวลาเดินเท้าจากโรงแรมไปยังท่าเรือเพียง 5 นาที เท่านั้น ห้องพักเป็นแบบ “B&B” หรือ “Bed & Breakfast” สะอาดและกว้างขวาง เจ้าของน่ารักและเป็นกันเองมาก บรรยากาศตอนกลางคืนค่อนข้างสงบ
“Youngquan Hotel”
Official Website : http://youngquan.com.tw
Facebook : http://www.facebook.com/youngquanhotels

อากาศยามเช้าค่อนข้างเย็นสบายทีเดียว แนะนำว่าหากมีเวลาต้องไปเดินริมทะเลสาบ เนื่องจากอากาศสดชื่น และทิวทัศน์ยามเช้ายามพระอาทิตย์ขึ้นและเริ่มสาดแสงเหมาะสำหรับถ่ายรูป โดยเฉพาะหลังฝนตกที่จะมีหมอกลอยอยู่เหนือผิวน้ำด้วย เสียดายเช้านี้หมดแรงลุกไม่ไหวก็เลยไม่ทันได้ไปเดินเล่นริมทะเลสาบครับ
เช้านี้มีโปรแกรมออกเดินทางไปเที่ยว “เหอหวนซาน (Hehuanshan / 合歡山)” — หรือเรียกว่า “เขาเหอหวน (Mount Hehuan)” ได้เหมือนกัน — เป็นภูเขาที่สูงสุดในไต้หวัน ระดับความสูงกว่า 3,000 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ในฤดูหนาวจะมีหิมะตกด้วย ตื่นมาวันนี้สภาพไม่ค่อยดีเท่าไหร่ นั่งไปได้ไม่นานก็เมารถอย่างหนัก นอกจากเส้นทางที่ค่อนข้างคดเคี้ยวแล้ว ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะพักผ่อนไม่พอ นอนน้อยสะสมมาตั้งแต่คืนแรก แนะนำว่าหากใครเป็นคนเมารถง่าย ควรทานยาแก้เมาล่วงหน้าไว้เลยครับ
ระหว่างทางสภาพพังมาก ทิวทัศน์สองข้างทางสวยตลอดแต่เวียนหัวมากจนไม่มีอารมณ์จะดูอะไรเลย ตื่นมาอีกทีก็ตอนหยุดพักเข้าห้องน้ำที่ 7-Eleven สุดท้ายก่อนถึงที่หมายไม่ไกลนัก ชอบเซเว่นประเทศนี้มาก เจอแต่ของกินอร่อยๆ เต็มไปหมด
ร้านเซเว่นถือว่าเป็นที่นิยมมาก นอกจากอาหารอร่อยๆ ไม่ต่างจากต้นตำรับที่ญี่ปุ่น โดยเฉพาะพวกไส้กรอกหรืออาหารร้อนต่างๆ ก็ยังมีชานมไต้หวันแบบบรรจุขวดอย่างดี คนไทยนิยมหิ้วกลับมาเป็นของฝากคนที่บ้าน รอบนี้ก็ซื้อกลับมาลองครบทุกรส (เพื่อนบอกว่ามีขายที่เซเว่นฮ่องกงด้วยแต่แพงขึ้นสองเท่าครับ) แถมยังโชคดีเจอขวดโค้กรุ่นพิเศษซึ่งทำขึ้นเฉพาะไต้หวัน เป็นรุ่น “ครบรอบ 50 ปี” ที่เริ่มขายในไต้หวัน มีทั้งหมด 5 แบบ ลายจะเกี่ยวกับสัญลักษณ์ของไต้หวัน ความจริงขวดรุ่นนี้เริ่มวางขายตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา เสียดายเจอแค่แบบเดียวเป็นรูปดอกซากุระครับ หากมาเที่ยวช่วงกลางปีคงตระเวนเก็บให้ครบชุดแน่นอน
การไปเที่ยวเหอหวนซาน แนะนำว่าควรมีเวลาอย่างน้อยหนึ่งคืน เพื่อที่จะได้ตื่นแต่เช้าเพื่อไปชมพระอาทิตย์ขึ้น แต่ทริปนี้เวลาค่อนข้างจำกัด กว่าจะไปถึงแดดก็ค่อนข้างแรงไปสักหน่อย ที่สำคัญควรมีเวลาเหลือสำหรับเดินตามเส้นทางชมวิวด้วย
ปกติแล้วนักท่องเที่ยวมักนิยมไปนอนค้างที่บริเวณ “ฟาร์มแกะชิงจิ้ง (Cingjing Farm / 清境農場)” ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก แล้วจึงซื้อทัวร์เพื่อขึ้นมาชมพระอาทิตย์ขึ้น ซึ่งรถจะมารับตั้งแต่ช่วงประมาณตีสามครึ่ง แล้วพาไปที่ “Hehuan Wuling” จุดสูงสุดของไต้หวันที่ถนนทางหลวงวิ่งผ่าน ณ ระดับความสูง 3,275 ฟุต วันนี้มาถึงค่อนข้างสายไปนิดเนื่องจากออกเดินทางมาไกลจากทะเลสาบสุริยันจันทรา แดดจึงค่อนข้างแรง บริเวณนี้ในวันที่สภาพอากาศเป็นใจ สามารถมองเห็นทะเลหมอก เหมาะที่จะชมพระอาทิตย์ตก รวมไปถึงทางช้างเผือกซึ่งทอดยาวผ่านบนท้องฟ้า
บริเวณข้างบนนี้อากาศจะดีและเย็นตลอดปีไม่ว่าฤดูไหน วันที่ไปอุณหภูมิประมาณ 10 องศา ยังดีที่พกเสื้อขนเป็ดไปเผื่อสำหรับทริปนี้ สำหรับฤดูหนาวมีโอกาสเจอหิมะและก็น้ำค้างแข็งด้วยครับ
บริเวณด้านหน้า “Song Syue Lodge (松雪樓)” จะมีเส้นทางเดิน “Hehuan Summit Peak” ซึ่งจัดว่าเป็นเส้นทางเดินที่สั้นที่สุด แต่ว่าระดับความยากพอสมควร ในบางช่วงชันมากจนต้องมีเชือกเพื่อช่วยดึงขึ้นไปด้วย
มาถึง “เหอหวนซาน” ทั้งที ต้องหาโอกาสเดินเส้นทางชมวิวปีนเขา ซึ่งขอแนะนำ “Shimenshan (石門山)” เส้นทางง่ายๆ แต่ก็งดงามคุ้มค่าเหนื่อยอย่างแน่นอน เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการปีนเขาทุกระดับ โดยทั่วไปจะใช้เวลาประมาณ 45 นาที เพื่อเดินไปยังจุดสูงสุด หากมีโอกาสค้างแรมที่นี่ ขอแนะนำให้รอชมพระอาทิตย์ตกและก็ดูดาวยามค่ำคืน จากที่พัก “Song Syue Lodge (松雪樓)” ซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด ใช้เวลาเดินเท้าเพียง 20 นาที ไปยังปากทางเข้าของเส้นทางเดิน
การเดินทาง :
ปกติหากพักที่ Cingjing สามารถนั่งรถบัสขึ้นมาชมได้ หรือหากต้องการเหมาทัวร์แบบทั้งวัน ซึ่งเหมาะกับการเที่ยวเป็นกลุ่มแล้วแชร์ค่าใช้จ่ายก็สะดวก ทำให้มีเวลาเที่ยวแวะหรือเดินปีนเขาตามเส้นทางได้อย่างยืดหยุ่นกว่า
ระหว่างขากลับจะย้อนไปทางเดิม แวะเบรคสักนิดจากอาการเมารถที่ “ฟาร์มแกะชิงจิ้ง (Cingjing Farm / 清境農場)” — ตามป้ายมักจะเขียน “Qingjing Farm” — สามารถแวะชมในบรรยากาศที่แตกต่างกันตลอดปี ช่วงใบไม้ผลจะมีดอกซากุระบานสะพรั่งเช่นกัน
“ฟาร์มแกะชิงจิ้ง (Cingjing Farm, 清境農場)”
ข้อมูลเพิ่มเติม : http://www.cingjing.gov.tw/en/
บริเวณทางออกด้านล่างจะมีศูนย์อาหารเล็กๆ เต็มไปด้วยของกินหอมกรุ่นมากมาย เห็นอะไรก็อยากทานไปหมด เสียดายพึ่งทานข้าวเสร็จ
จากฟาร์มแกะ นั่งรถกลับไปยังไทเปใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง กว่าจะถึงก็ค่ำพอดี ตอนแรกตั้งใจว่าหากมีเวลาจะแวะถ่ายแสงสุดท้ายของ “ตึกไทเป 101” เป็นการอำลาทริปนี้ แต่เนื่องจากรถติดมากไม่สามารถไปถึงทันเวลา จึงได้แต่มองพระอาทิตย์ตกจากบนฟรีเวย์ด้วยตาปริบๆ
สำหรับตอนนี้จึงขอจบไว้ก่อนครับ จากนั้นจึงเข้าพัก “Westgate Hotel (永安棧)” โรงแรมสุดหรูนอนสบายเหมือนที่เล่ารายละเอียดไว้ในตอนแรกที่ผ่านมา
“Westgate Hotel (永安棧)”
Official Website : http://www.westgatehotel.com.tw/en-gb
Facebook : http://www.facebook.com/westgatetaipei/
ขั้นตอนการจองและบทสรุปเกี่ยวกับ “Tripool (旅步)”
เมื่อไปเที่ยวไต้หวันการเดินทางระหว่างเมืองจะไม่เป็นเรื่องที่ต้องกังวลอีกต่อไป หากดูแผนที่เส้นทางรถไฟไม่เก่ง ไม่อยากวุ่นวายกับการนั่งรถโดยสารประจำทาง หรือรู้สึกว่าค่าบริการรถแท็กซี่แพงเกินไป ขอแนะนำ “Tripool” ทางเลือกใหม่ ให้บริการรับส่งด้วยพาหนะส่วนตัวไปทุกแห่งในไต้หวัน และสะดวกว่ารถโดยสารประจำทาง
ขั้นตอนการจอง
- เปิดเว็บของ Tripool — http://www.tripool.app — เพื่อเริ่มขั้นตอนการจอง มีเมนูเลือกภาษาไทยอยู่ด้านล่างสุดของจอ
- กรอกข้อมูล สถานที่รับและส่ง จำนวนผู้โดยสาร สำหรับเลือกขนาดรถที่เหมาะสม จากนั้นเลือก “ตรวจสอบข้อเสนอส่วนลด 40%” หรือ “Check 40% Off Deal” เพื่อตรวจสอบราคา โดยปกติแล้วราคาจะถูกกว่ารถแท็กซี่ประมาณ 40%
- หน้าถัดไปจะแสดงรายละเอียด ค่าเดินทางต่อคน เวลาที่ใช้เดินทาง ระยะทางทั้งหมด และสรุปค่าใช้จ่าย เมื่อตรวจสอบความถูกต้องเสร็จ ให้กดเลือก “ยืนยันวันที่และเวลา” หรือ “Confirm Date & Time”
- กรอกข้อมูล วันที่และช่วงเวลาที่รับ รวมไปถึงตรวจสอบจุดนัดพบและรับส่งผู้โดยสารให้ถูกต้องและชัดเจน ซึ่งเมื่อแจ้งข้อมูลเสร็จหลังจากกดเลือก “ถัดไป” หรือ “Next” ทางบริษัทจะอัพเดทเวลารับที่แน่นอนในช่วงเวลาที่เลือกไว้ โดยจะแจ้งกลับก่อนการเดินทาง 12 ชั่วโมง ผ่านทางช่องทาง E-mail
- ขั้นตอนสุดท้าย — หากเห็นว่าข้อมูลที่กรอกไม่ถูกต้องสามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้ — กรอกข้อมูลของผู้โดยสาร ได้แก่ ชื่อ นามสกุล หมายเลขโทรศัพท์ และ E-mail พร้อมทั้งรายละเอียดบัตรเครดิตต่างๆ ได้แก่ หมายเลขบัตรเครดิต ชื่อของผู้ถือบัตร วันหมดอายุ และ CVC/CVV (หมายเลขยืนยันความปลอดภัยสามหลักที่อยู่บริเวณหลังบัตร) เมื่อข้อมูลครบถ้วน กดเลือก “การจองเสร็จสมบูรณ์” หรือ “Complete Booking” เพื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนทั้งหมด จากนั้นเพียงรอรับการยืนยันผ่านทาง E-mail เพื่อแจ้งเวลารับที่แน่นอนอีกครั้ง
เงื่อนไขและรายละเอียด
- กระเป๋าเดินทาง : โดยทั่วไปสามารถนำกระเป๋าเดินทางขนาด 30 นิ้ว และกระเป๋าสัมภาระขึ้นเครื่องได้อย่างละ 1 ใบ ยกเว้นกรณีพิเศษ สามารถแจ้งล่วงหน้าทางออนไลน์ก่อนดำเนินการจองรถ
- ยานพาหนะ : ทางบริษัทมีรถให้บริการหลายขนาดตั้งแต่ ซีดาน MPV และรถตู้ ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้โดยสาร สามารถโดยสารได้มากที่สุด 9 คน หรือรองรับได้ 7 คน พร้อมกระเป๋าเดินทาง
- ระยะเวลาการรับ : พนักงานขับรถจะไปรับผู้โดยสารตามช่วงเวลาที่เลือกไว้ โดยจะแจ้งเวลาที่แน่นอนกลับไปภายใน 12 ชั่วโมง สามารถมาเจอตามสถานที่นัดหมายโดยไม่ต้องยืนรอบนถนน
- การจอง : บริษัทจะรับจองผ่านออนไลน์ภายในเวลา 15.00 น. ก่อนการรับส่งหนึ่งวัน เท่านั้น
- การคืนเงินและการยกเลิก : กรณีทั่วไปต้องยกเลิกการจองล่วงหน้า 48 ชั่วโมง ก่อนการเดินทาง จึงได้รับเงินคืนทั้งหมด 100% หรือกรณีมีสภาพอากาศที่เลวร้าย เช่น แผ่นดินไหว พายุ หิมะตก น้ำท่วม นอกเหนือจากนี้จะไม่มีการคืนเงิน
- ราคา : ราคาที่แจ้งไว้จะรวมประกัน ภาษี และค่าบริการทุกอย่างแล้ว ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝงต่างๆ เพิ่มเติม
- การชำระเงิน : ผ่านบัตรเครดิตผ่านการเข้ารหัสที่ปลอดภัย
“รู้หมือไร่” กับคำถามคาใจ :
- เป็นบริการรถยนต์ที่ผู้โดยสารแบ่งจ่ายค่าชำระร่วมกัน (Carpooling) ใช่หรือไม่
ตอบ : ไม่ใช่ แต่เป็นบริการยานพาหนะรับส่งส่วนตัวพาผู้โดยสารไปส่งยังจุดหมายปลายทาง พูดง่ายๆ ก็คล้ายกับ “Uber” นั่นเอง- ถ้ามีจำนวนคนมากกว่า 8 คน
ตอบ : ผู้โดยสารสามารถจองรถได้หลายคันพร้อมกัน แต่ทางบริษัทไม่รับประกันว่ารถจะมารับในเวลาเดียวกัน- มีที่นั่งสำหรับเด็กให้บริการหรือไม่
ตอบ : ตามกฎหมายของไต้หวัน และเพื่อความปลอดภัย เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 4 ปี จะต้องนั่งบนที่นั่งสำหรับเด็ก ผู้โดยสารต้องระบุจำนวนผู้โดยสารที่ชัดเจน รวมทั้งจำนวนเด็กระหว่างทำการจอง หลังจากทำการจอง ต้องทำการแจ้งอายุของเด็กผ่านทาง E-mail ให้เจ้าหน้าที่ทราบ เพื่อจะได้เตรียมไว้- หากต้องการเปลี่ยนสกุลเงินในการชำระค่าบริการ
ตอบ : ขณะนี้ทางบริษัทรับชำระด้วยสกุลเงิน “ดอลลาร์สหรัฐฯ” ผ่านเครดิตการ์ด เท่านั้น- สามารถค้นหาพนักงานขับรถได้อย่างไร
ตอบ : เมื่อทำการจอง ทางบริษัทจะส่งข้อมูลที่จำเป็น — เช่น ชื่อของพนักงานขับรถ รายละเอียดสำหรับการติดต่อ และหมายเลขทะเบียนรถยนต์ — หนึ่งคืนก่อนการเดินทางผ่าน E-mail โดยพนักงานจะแสดงตน ณ สถานที่ซึ่งได้จองไว้- กรณีที่หาพนักงานขับรถไม่เจอ
ตอบ : โดยทั่วไป พนักงานขับรถจะถึงยังสถานที่ก่อนเวลานัดหมาย 5 นาที หากผู้โดยสารหาไม่พบ สามารถโทรติดต่อกับพนักงานขับรถได้โดยตรง หรือติดต่อสายด่วน — หมายเลขโทรฟรี (+886) 8000-78787- หากมีปัญหาในการจองรถ
ตอบ : สามารถกดปุ่มที่อยู่บนด้านซ้ายของหน้าเว็บ เพื่อคุยออนไลน์กับเจ้าหน้าที่- พนักงานขับรถจะรอผู้โดยสารหรือไม่
ตอบ : ทางบริษัทเข้มงวดมากเรื่องการตรงเวลา หากผู้โดยสารไม่แสดงตนภายใน “10 นาที” พนักงานขับรถจะไม่รอ และจะไม่มีการคืนเงินผู้โดยสารโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ รวมถึงกรณีที่เครื่องบินล่าช้า โดยทั่วไปเมื่อเครื่องบินลงจอด จะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ในขั้นตอนการรับกระเป๋า ทางบริษัทจึงแนะนำให้เลือกเวลาจองรถหลังจากเวลาเครื่องบินลงจอดอย่างน้อย “1 ชั่วโมงครึ่ง” หรือมากกว่านั้น- เวลาให้บริการของ Tripool
ตอบ : ให้บริการตั้งแต่ 07.00 น. ถึง 20.00 น. เท่านั้น และงดให้บริการช่วงตรุษจีน เนื่องจากการจราจรแออัดข้อดีจากการเลือกใช้บริการ
- เหมาะสำหรับการเที่ยวที่มีการวางแผนล่วงหน้าที่ดี มีจุดหมายและเวลาแน่นอน เนื่องจากสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายพร้อมการเดินทางที่สะดวกเหมือนรถแท็กซี่
- คุ้มค่ามากขึ้นเมื่อเดินทางเป็นกลุ่ม เพราะตัวหารเพิ่มขึ้น ทำให้ค่าเดินทางต่อคนถูกลง
- สะดวกในการเดินทางพร้อมกระเป๋าเดินทาง ไม่ต้องลากหรือขนกระเป๋าไปยังสถานีรถไฟหรือขึ้นรถโดยสารประจำทาง เนื่องจากรถจะมารับถึงหน้าประตู ตามที่อยู่ซึ่งได้แจ้งเอาไว้
- ราคาถูกกว่าแท็กซี่ทั่วไปพอสมควร จากการเปรียบเทียบค่าบริการผ่านทางเว็บ ปกติแล้วถูกกว่าถึง 40%
- การเดินทางสะดวกรวดเร็ว ไม่ต้องต่อหลายทอดเหมือนเวลาใช้บริการรถไฟและรถประจำทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเดินทางสู่ต่างเมือง
จุดด้อยของการให้บริการ
- ไม่สามารถยกเลิกการใช้บริการในกรณีที่มีการเปลี่ยนแผนการเดินทาง หากเหลือเวลาน้อยกว่า 24 ชั่วโมง จะไม่ได้รับเงินคืนไม่ว่ากรณีใดๆ
- การเดินทางที่ไม่ยืดหยุ่นต้องตรงเวลา เนื่องจากผู้โดยสารมีเวลาเพียง “10 นาที” เท่านั้น เพื่อให้มายังจุดนัดพบ หากมาช้าหรือลืมเวลานัด พนักงานจะไม่รอโดยไม่มีการคืนเงิน
- ไม่สะดวกหากเดินทางมาจากต่างประเทศ ในกรณีที่เครื่องบินมีการดีเลย์ รวมไปถึงเสียเวลาในขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองมากเกินปกติ อาจทำให้ล่าช้ากว่าเวลาที่นัดรถมารับได้
- การจองต้องทำล่วงหน้าอย่างน้อยหนึ่งวัน — ก่อนเวลา 15.00 น. ของวันก่อนเดินทาง — ทำให้ไม่สะดวกหากต้องการใช้บริการแบบทันด่วน ไม่สามารถเรียกแล้วรถมาทันทีเหมือนรถแท็กซี่ทั่วไป
- การเดินทางภายในเมือง เช่น กรุงไทเป อาจไม่มีความจำเป็นนัก เนื่องจากมีระบบรถไฟที่ค่อนข้างครอบคลุมสถานที่สำคัญ
บทสรุปจากการทดลองใช้บริการ
จะเห็นได้ว่าการใช้บริการ Tripool จะมีข้อดีและเสียต่างกันไป ซึ่งจะเน้นไปด้านความประหยัดในการเดินทางที่สะดวกและรวดเร็ว เทียบง่ายๆ เหมือนกับ “การใช้บริการรถแท็กซี่ในราคาใกล้เคียงกับรถบัส” โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเดินทางระหว่างเมืองที่ไกลออกไป แต่ว่าก็ต้องแลกกับความเสี่ยงหากไม่ตรงต่อเวลา หรือกรณีมีเหตุต้องเปลี่ยนแผนกระทันหันไม่ว่ากรณีใดๆ ทำให้อาจเสียเงินที่จองไปทั้งหมดแม้ว่าไม่ได้ใช้บริการก็ตาม เห็นได้ชัดว่าทำให้แผนการเดินทางไม่ยืดหยุ่นเท่าที่ควร จึงควรที่จะเลือกใช้บริการในสถานการณ์ที่ต่างกันไป จากที่ได้ประเมิณ จุดคุ้มทุนสุดน่าจะเป็นการเดินทางอย่างน้อยตั้งแต่ 3-4 คน ขึ้นไป เหมาะสำหรับการเดินทางข้ามเมือง ซึ่งจะสะดวกสบายไม่ต้องต่อรถหลายสายให้วุ่นวาย การเดินทางรวดเร็วและมีความเป็นส่วนตัวสูง ในราคาที่สมเหตุผล
ตอนหน้าจะขอสั่งลาทริปไต้หวันกับมื้อค่ำแสนอร่อย กับ “หม้อไฟชาบูไต้หวัน” อันเลื่องชื่อที่ร้าน “Wenting Hot Pot (問鼎 麻辣鍋 養生鍋)” และก็เป็นสาขาจากร้านบุฟเฟ่ต์หม้อไฟหม่าล่าเจ้าดังที่คนไทยชอบทาน แต่สาขาใหม่นี้จะเป็นแบบสั่งตามเมนู ซึ่งวัตถุดิบที่นำมาจัดว่าคัดสรรมาอย่างดีทั้งหมด มื้อนี้มีโอกาสได้ลิ้มลอง “เนื้อวากิว A5” อีกด้วย จัดว่าเป็นร้านหม้อไฟไต้หวันระดับ Premium ที่ต้องแนะนำเมื่อมาเยือนไทเปเช่นกันครับ
(ตอนพิเศษ)
หม้อไฟสไตล์ “ไต้หวัน”
— อิ่มอร่อยแบบไต้หวันกันที่ “เว่นติงหม้อไฟ”
การเดินทางไปไต้หวันเดี๋ยวนี้สะดวกสบาย สายการบิน “แอร์เอเชีย” ได้เปิดเส้นทางใหม่ล่าสุด ซึ่งออกเดินทางจากสนามบินนานาชาติเชียงใหม่ ตรงสู่จุดหมาย “ไทเป (Taipei, 台北)” เป็นการกลับมาอีกครั้งกับปลายทางยอดฮิต หลังจากที่เคยบินตรงจากกรุงเทพก่อนยกเลิกไป
รายละเอียดเที่ยวบิน (อัพเดท เดือนตุลาคม 2561) :
FD 242 : CNX – TPE / 21:20 – 02:00 (+1) — Duration : 3h 40m
FD 243 : TPE – CNX / 02:30 – 06:00 — Duration : 4h 30mเปิดให้บริการ 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ (ออกเดินทางจากเชียงใหม่วันอังคาร พุธ ศุกร์ และอาทิตย์)
สำหรับการเดินทางในครั้งนี้
ขอขอบพระคุณ สายการบิน “แอร์เอเชีย” ผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ คอยอำนวยความสะดวกในทุกเรื่องตลอดการเดินทาง หวังว่าโอกาสหน้าคงจะได้ร่วมทริปด้วยกันอีกครับ
Special thanks to “New Taipei City Government (新北市政府市)” for the warm welcome and hospitality. Thanks to “Tripool (旅步)” for supporting us the convenient transportation during the trip around Taiwan. Thanks to “Youngquan Hotel” and “Westgate Hotel” while staying at Sun Moon Lake and Taipei City. Thanks to “Wenting Hot Pot (問鼎 麻辣鍋 養生鍋)” for the superb and unforgettable dinner.
(ความเดิมจากตอนที่แล้ว)
“ไต้หวัน” ครั้งแรกแบบครบรส
— เที่ยวบินปฐมฤกษ์เส้นทางใหม่กับสายการบิน “แอร์เอเชีย” : ออกเดินทางจาก “เชียงใหม่” บินตรงสู่ “ไทเป”https://oatenroute.com/2018/10/28/0105027/