หน้าร้อนตะลอนเที่ยว
— “เชียงราย 2018” —
หลังจากตอนที่ผ่านมาพาไปนอนพักริมแม่น้ำโขง คราวนี้ได้เวลาออกตะลอนกินและเที่ยวเชียงรายบ้าง ซึ่งว่าไปแล้วจะเน้นหนักไปทางกินเสียมากกว่า จะเรียกว่า “ทริปตัวแตก” ก็ได้เช่นกัน หากเริ่มต้นจากโรงแรมที่พัก “บ้านแซวการ์เด้น แอนด์ รีสอร์ท” ซึ่งตั้งอยู่ที่อำเภอเชียงแสน จะวางแผนขับรถเที่ยวเป็นวงกลม ไปพระตำหนักดอยตุง แล้ววกกลับมาทางสามเหลี่ยมทองคำ จะสามารถจบทริปภายในหนึ่งวันอย่างพอเหมาะ
(พื้นที่โฆษณา) หากไม่ได้เข้ามาเว็บนี้เป็นประจำ สามารถกดติดตามกันได้เพิ่มเติมทางออนไลน์ข่องทางอื่น เผื่อมีเรื่องราวอัพเดทจะได้ไปเที่ยวด้วยกันอีกในตอนต่อไปนะครับ
Facebook. : http://www.facebook.com/oatenroute
Instagram : http://www.instagram.com/oatenroute
ทริปนี้ขับรถออกจากเชียงใหม่ กว่าจะถึงตัวเมืองเชียงรายก็ได้เวลามื้อเที่ยงพอดี จึงแวะทาน “ชีวิตธรรมดา” ร้านอาหารตามลายแทงซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำกก ซึ่งเป็นร้านที่บรรยากาศดีตกแต่งสวย เหมาะสำหรับทั้งสายชิวหรือแช๊ะได้หมด อาหารที่เสิร์ฟจานใหญ่มากจนทานเกือบไม่หมดเลย
เมื่อทานมื้อเที่ยงเสร็จจึงแวะมุ่งหน้าเข้าไปพัก “บ้านแซวรีสอร์ท แอนด์ การ์เด้น” ซึ่งเป็นโรงแรมเงียบสงบ ตั้งอยู่ริมน้ำโขงติดชายแดนประเทศลาว สำหรับรายละเอียดที่พักย้อนกลับไปอ่านตอนก่อนหน้านะครับ
(ความเดิมจากตอนที่แล้ว)
Slow Life by Mekong River at “Bansaeo Garden and Resort”
https://oatenroute.com/2018/03/27/0105019/
รีสอร์ทที่พักจะอยู่เลยตัวเมืองเชียงแสนออกมาไม่ไกล — ประมาณ 15 นาที — แถวนั้นจะเห็นวิวประเทศลาวและแม่น้ำโขงสวยมากโดยเฉพาะตอนอาทิตย์ตก ใครสนใจแนะนำว่าดีมาก โดยเฉพาะคนที่ชอบสโลว์ไลฟ์อยากหนีความวุ่นวายในตัวเมืองมาเที่ยว ต่อนยอนเรื่อยเปื่อยให้เวลาค่อยๆ ผ่านไปไม่เร่งรีบ รับรองไม่ผิดหวังครับ
จากโรงแรมมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ไม่ว่าเป็นตัวเมืองเชียงแสนซึ่งเป็นเมืองเก่า สามเหลี่ยมทองคำ และวัดต่างๆ เนื่องจากมีเวลาเที่ยวประมาณหนึ่งวัน จึงขอขับรถเป็นวงกลมแล้วย้อนกลับมาที่พักตอนเย็น สำหรับช่วงที่ย่างเข้าหน้าร้อนอย่างนี้ ไปเที่ยวดอยคงไม่ได้สวยเท่าตอนฤดูหนาว จึงเลือกเส้นทางไปทางไร่ชาฉุยฟงก่อนเป็นอันดับแรก
ที่ไร่ชาฉุยฟงเป็นแหล่งปลูกชาและสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจอีกแห่งนึงของเชียงราย เหมาะสำหรับมาแวะถ่ายรูป นั่งจิบชาทานขนมและซื้อเป็นของฝากได้ครับ
มาเชียงรายรอบนี้เน้นกินเสียส่วนใหญ่ หลังจากชิมขนมชมวิวที่ไร่ชาก็ใกล้เวลาอาหารเที่ยงพอดี เสียดายวันนี้ออกมาสายไปหน่อย ไม่อย่างนั้นคงได้บรรยากาศหมอกยามเช้าและอากาศเย็นๆ ที่ไร่ชา จึงมุ่งหน้าต่อไปยังร้าน “จัน กะ ผัก” พอผวนแล้วเป็น “จักรพันธุ์” บรรยากาศดี ผักสดและมีเมนูอร่อยมากมาย
เป้าหมายต่อไปเป็นสถานที่ซึ่งตั้งใจมากว่ามาเชียงรายรอบนี้ต้องพาลูกไปครับ นั่นก็คือ “พระตำหนักดอยตุง” นั่นเอง อยากพาลูกไปชมพระตำหนักของสมเด็จย่า และไปกราบท่านด้วย ที่นี่มีสถานที่น่าสนใจ คือ ทัวร์พระตำหนัก (ห้ามถ่ายรูปภายในอาคาร) และก็นิทรรศการที่จะเล่าเรื่องของครอบครัวสมเด็จย่ารวมถึงในหลวงรัชกาลที่ 9 ด้วยครับ เสียดายมีเวลาไม่พอ ไม่อย่างนั้นจะเดินชมสวนด้วย พวกเราใช้เวลานานมากทั้งในส่วนนิทรรศการและเดินชมพระตำหนัก ซึ่งไฮไลท์อยู่ที่ทัวร์ชมพระตำหนัก จะมีหูฟังพร้อมเครื่องเล่นให้ฟังพร้อมเล่าเรื่องราวต่างๆ ภายในพระตำหนัก ไม่น่าเชื่อว่าลูกชายวัย 9 ขวบ จะสนใจและตั้งใจฟังด้วยความสนใจเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ส่วนนึงอาจเป็นเพราะเครื่องเล่นที่จะเล่าเรื่องจะมีเวอร์ชั่นสำหรับเด็กน้อย ทำให้เนื้อหาฟังเข้าใจง่ายและน่าสนใจด้วยครับ
เสร็จจากตรงนี้ใช้เวลานานมาก ความจริงต้องมาอยู่สักครึ่งวันกำลังดี กว่าจะเสร็จก็เย็นแล้ว จากเดิมทีตั้งใจไปแวะสามเหลี่ยมทองคำ (เส้นทางเดียวกับแม่สาย) และตัวเมืองเชียงแสนจึงมีอันต้องยกเลิกไป แล้ววิ่งกลับเส้นทางเดิม แนะนำว่าหากพักโรงแรมบริเวณเชียงแสนหรือไกลออกไป ควรออกเดินทางแต่เช้าเพื่อมีเวลาเที่ยวได้อย่างทั่วถึงมากขึ้น
เช้าวันรุ่งขึ้นเราเดินทางกลับ แต่สำหรับทริปตัวแตกอย่างนี้จึงต้องแวะกินจนหยดสุดท้าย ว่าแล้วก็มุ่งหน้าไปร้านอาหารดังอีกร้าน “มโนรมย์” ซึ่งเป็นอีกร้านที่อยากแนะนำมาก ขนมอร่อยสุดๆ บรรยากาศดีมาก สำหรับอาหารก็น่าทานแต่ยังอิ่มอยู่เลยจึงข้ามไปครับ บอกกับตัวเองว่ามาเชียงรายรอบหน้ามีซ้ำแน่นอน
เสร็จจากตรงนี้พาลูกขับรถวนชมตึกสวยๆ ของศาลากลางก่อนกลับ แถวนี้บรรยากาศร่มรื่นมากเลย แต่ก่อนพ้นตัวเมืองเชียงราย ชาวทริปตัวแตกกินจนต้องร้องขอชีวิตจึงขอแวะเช็คอินมื้อเที่ยงที่ร้านดังตั้งแต่สมัยยังเด็ก “จริณ” ที่ออกจากตัวเมืองเชียงรายไม่ไกลเลย มีพายอร่อยที่คุณแม่ที่เชียงใหม่ฝากให้ซื้อกลับไปฝากด้วยครับ
ว่าแล้วขอจบทริปเชียงรายแต่เพียงเท่านี้ก่อนครับ กะว่ามีโอกาสจะกลับมาอีกทีตอนหน้าหนาว ขับรถไม่นานแล้วก็มีอีกหลายที่น่าสนใจที่จะพาลูกกลับมาเที่ยวอีกครับ
ขอบคุณที่ติดตามกันจนจบนะครับ ……
One thought on “2018 Summer Trip in “Chiang Rai””