“ศรีพันวา”
— ครั้งหนึ่งกับรีสอร์ทในฝัน —
หากพูดถึง “ศรีพันวา” สิ่งแรกที่นึกถึงก็คือ ห้องพักที่เป็น Pool Villa มีสระน้ำขนาดใหญ่ล้อมห้องนอนกระจกใสรอบทิศวิวพาโนรามา รีสอร์ทหรูหราระดับห้าดาวปลายทางในฝันของหลายคนรวมถึงผมด้วยครับ
ย้อนเวลากลับไปเมื่อช่วงกลางปี 2554 ทริปภูเก็ตครั้งแรกของครอบครัวตั้งแต่มีสมาชิกใหม่ตัวน้อยครับ โดยรอบนี้มีจุดหมายปลางทางอยู่ที่รีสอร์ทในดวงใจ ซึ่งแม้ว่าเวลาจะล่วงเลยผ่านมาหลายปีแล้ว ก็ยังแอบฝันถึงอยู่บ่อยๆ ถึงความประทับใจในครั้งนั้นได้อย่างชัดเจนไม่เคยเลือน
ออกเดินทางบินตรงจากเชียงใหม่ ช่วงนั้นมีเพียงสายการบิน “แอร์เอเชีย” ที่ให้บริการบินตรงไปและกลับจากเชียงใหม่ โดยไม่ต้องแวะที่กรุงเทพก่อนครับ



จากสนามบินใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงนึง เมื่อมาถึงก็มีเครื่องดื่มต้อนรับแสนชื่นใจ ตลอดเวลาจนไปถึงห้องพัก ผมก็พยายามเก็บอาการตื่นเต้นเอาไว้เกือบไม่อยู่เหมือนกันครับ ยิ่งเมื่อเปิดประตูวิลลาเข้าไป เห็นสระว่ายน้ำพร้อมกับวิวสุดอลังก็แทบจะอยากรีบเปลี่ยนชุดว่ายน้ำกระโดดลงสระ ณ ตอนนั้นเลย อารมณ์ประมาณว่าไม่อยากรอให้พนักงานแนะนำห้องพักต่อแล้วล่ะครับ

เสียดายวันนี้มาถึงค่อนข้างสายไปนิดครับ เข้าห้องพักก็เกือบห้าโมงเย็นแล้ว เนื่องจากเครื่องดีเลย์ลงจอดช้าแล้วก็เจอรถติดช่วงเลิกงานด้วย ยังดีมาถึงทันเจอพระอาทิตย์ตกพอดี

สำหรับมื้อค่ำก็จะทานกันที่ห้องอาหาร BabaQ (บริเวณอาคารหลัก Baba Poolclub) ที่ตกแต่งด้วยโทนสีขาว ตอนกลางคืนไฟจะออกเหลืองนิดนึงครับ ให้อารมณ์ที่แตกต่างกันระหว่างตอนกลางวันและกลางคืน
Baba Poolclub :
เป็นอาคารหลักศูนย์รวมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันภายในศรีพันวา เปิดให้บริการอาหารเช้าถึงเย็น รวมไปถึงห้องเกมส์รูม ร้านขายของที่ระลึก (Yaya Boutique) โรงเรียนสอนทำอาหาร ห้องประชุมสัมมนา พูลบาร์ และดิสโก้ (Baba 88) สำหรับความบันเทิงรอบดึก


เช้าวันรุ่งขึ้นตั้งนาฬิกาเอาไว้จะได้มาดูพระอาทิตย์ขึ้น จากห้องพักสามารถชมวิวได้ทั้งตอนพระอาทิตย์ขึ้นและตกเลยครับ
อาหารเช้าต้องไปทานที่ “Baba Dining Lounge” ซึ่งเป็นห้องอาหารที่อยู่ด้านล่างตอนมาเช็คอินเมื่อวานตอนเย็น หากเข้าใจไม่ผิดเพราะผ่านมาหลายปีแล้ว ตอนนี้ห้องอาหารเช้าก็ย้ายมาที่ Baba Poolclub ส่วนกลางที่ทานช่วงค่ำที่ผ่านมา สำหรับห้องนี้จะปรับเปลี่ยนเป็นห้องอาหารไทยน้องใหม่ “Baba Soul Food” แทนครับ
หลังกินข้าวเสร็จก็ได้เวลาลงเล่นน้ำเสียที เมื่อวานมาก็มัวถ่ายรูปแล้วช่วงค่ำฝนก็ตกหนักอีก เป็นครั้งแรกเลยที่ได้ว่ายน้ำในสระแบบ Infinity Pool ในวิลลาส่วนตัวพร้อมชมวิวสวยสุดอลังแบบนี้ ปกติพวก Pool Villa นี่จะเป็นแบบอารมณ์ส่วนตัวล้อมรอบด้วยสวนและรั้ว แต่ของศรีพันวานี่ทุกห้องจะเป็นสระที่มาพร้อมกับวิวร้อยล้านหมดเลย เนื่องจากวิลลาห้องพักจะสร้างกันบนภูเขา จึงทำให้ว่ายน้ำพร้อมกับชมวิวไปด้วยกันได้เลย
เที่ยงวันนี้เรากลับไปทานกันที่ห้องอาหารหลัก BabaQ เช่นเคย วันนี้ได้โอกาสลองอาหารญี่ปุ่นบ้างครับ สั่งข้าวปั้นมาทานเบาๆ สองจาน



บริเวณห้องอาหารส่วนด้านนอกจะมี Sunken Desk ซึ่งเป็นเก้าอี้ที่เวลานั่งจะจมลงไปและมีน้ำล้อมรอบ หากต้องการมาดินเนอร์ชมวิวสวยๆ ต้องจองล่วงหน้าด้วยครับ

ช่วงบ่ายหลังลูกหลับก็ออกมาเดินเล่นบริเวณหาดด้านล่าง จากข้างบนเดินลงมาถึงหน้าหาดมีขาสั่นเหมือนกันครับ พื้นที่หาดส่วนตัวมีไม่ค่อยเยอะมากแต่ก็มีความส่วนตัวสามารถเข้าถึงได้เฉพาะแขกของโรงแรมเท่านั้น นอกจากนี้มีกิจกรรมทางน้ำ เช่น พายเรือคายัค ให้บริการฟรีด้วยครับ ตรงหาดจะมีทุ่นลอยน้ำให้แขกเดินเล่นออกมาในทะเลจนถึงส่วนปลายของ Floating Pier ซึ่งในบางครั้งก็ใช้เป็นที่เอาเรือมาเทียบท่า บริเวณนี้ถือเป็นจุดชมวิวอีกแห่งของศรีพันวา จะมองเห็นเรือแล่นผ่านไปมาตลอด มองย้อนมาก็จะเห็นวิลลาของศรีพันวาเรียงรายอยู่บนไหล่เขา
เวลาแห่งความสุขผ่านไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน เผลอนิดเดียวก็หมดวันได้เวลามื้อค่ำอีกแล้ว เสียดายตอนไปยังสร้าง Baba Nest — จุดชมวิวรอบทิศ 360 องศา บริเวณจุดสูงสุดของศรีพันวา — ยังไม่เสร็จ ไม่อย่างนั้นคงได้ขึ้นไปชมพระอาทิตย์ตกเป็นการอำลาส่งท้ายครับ ค่ำวันนี้ก็เลยทานกันที่ BabaQ กันเหมือนเคย ซึ่งหากดินเนอร์กันเสร็จแล้วอยากนั่งฟังเพลงเบาๆ ก็สามารถไปแวะกันต่อที่บาร์ได้เช่นกัน
สุดท้ายขออำลาทริปรีสอร์ทในฝันตลอดกาลไว้ตรงนี้ครับ เป็นพูลวิลลาระดับห้าดาวที่มีวิวสวยที่สุดตั้งแต่เคยพักมาเลย ขอขอบคุณ คุณปลาวาฬ คุณแอร์ และทุกคนที่ดูแลต้อนรับเป็นอย่างดีตลอดสองคืนที่พักอยู่ศรีพันวา ทำให้วันพักร้อนในฝันกลายเป็นจริงและประทับใจไม่ลืมแม้ว่าเวลาจะผ่านมาหลายปีแล้วก็ตาม
One thought on “Heaven on Earth at “Sri panwa””