หลับตาฝันถึง “มัลดีฟส์”
— เอพพิโซด 3 : ดินแดนแห่งสีสันและรอยยิ้ม “ศรีลังกา” —
การเดินทางทริปในฝันมาถึงตอนสุดท้ายแล้วครับ ถึงแม้ว่าจะดูเหมือนเป็นตอนแถมพิเศษ เพราะว่าไม่ได้มีเวลาเจาะลึกทริปปิดท้ายนี่มากด้วยข้อจำกัดเรื่องเวลา แต่ว่านี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลสำคัญที่ทำให้ผมไม่กล้าปฏิเสธทริปนี้ เพราะว่านอกจาก “มัลดีฟส์” เกาะสวรรค์หน้าร้อนในดวงใจของหลายคนแล้ว ยังมี “ศรีลังกา” ประเทศแห่งสีสัน ที่เต็มไปด้วยอารยธรรมและรอยยิ้มที่เป็นมิตร ไม่ต่างไปจากประเทศไทยของเรา ซึ่งปกติแล้ว คนไทยนิยมมาเที่ยวดินแดนแห่งนี้เพื่อจาริกแสวงบุญ แต่ความจริงแล้ว ประเทศนี้มีอะไรน่าสนใจอีกมากมายที่ควรค่าแห่งการค้นหาครับ
ความเดิมจากตอนที่แล้ว
เอพพิโซด 1 : หนีไปติดเกาะ ณ หมู่เกาะแนวปะการังวงแหวนทางใต้
https://oatenroute.com/2016/11/02/0103009/เอพพิโซด 2 : วันพักร้อนสุดหรูบนเกาะสวรรค์
https://oatenroute.com/2016/12/14/0103010/
หลังจากทริปนอนเกาะในฝันเสร็จสิ้นลงในช่วงครึ่งแรกของการเดินทาง คราวนี้ได้เวลาสัมผัสกลิ่นอายสีสันของ “ศรีลังกา”กันแล้วล่ะครับ เดิมทีเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ไม่เคยอยู่ในแผนการเดินทาง เนื่องด้วยไม่ค่อยมีข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยว รวมไปถึงไม่รู้ว่าจะเดินทางไปไหนยังไง แต่พอทราบข่าวว่าจะมีอยู่ในทริปนี้ด้วย ผมยิ่งรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก เพราะคิดว่าปกติไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้เดินทางมาแถวนี้บ้าง ดังนั้นการที่ได้เที่ยวศรีลังกาครั้งแรกแล้วมีคนนำทางก็เลยทำให้รู้สึกว่าสบายใจขึ้นเยอะทีเดียว อย่างที่พูดไปตอนแรกๆ แล้วว่า รอบนี้เดินทางมากับทีม “Billion Destinations” ซึ่งได้จัดทริปนี้ให้เสร็จสรรพ เดินทางกับ “SriLankan Airlines” ที่บินตรงจากสุวรรณภูมิเลย หากใครสนใจก็ลองสอบถามข้อมูลตามลิงค์ด้านล่างได้ครับ
Billion Destinations :
Website : http://www.billion.co.th
Facebook : http://www.facebook.com/billion.destinationsSriLankan Airlines :
Website : http://www.srilankan.com/en_uk/th
Facebook : http://www.facebook.com/flysrilankan
ออกจากมัลดีฟส์ เราบินมาถึง “Bandaranaike International Airport” ในช่วงบ่ายแก่ๆ ของวันเดียวกัน ซึ่งเป็นสนามบินหลักและศูนย์รวมทางการบินของประเทศศรีลังกา จากตรงนี้ถ้าจะบินกลับไทยก็มีเที่ยวบินรอบดึกมากรอคอยอยู่ แต่พวกเราจะรับกระเป๋าเพื่อแยกเที่ยวต่อกันครับยังไม่ต้องกลับ
“Bandaranaike International Airport”
เป็นสนามบินหลักและศูนย์รวมทางการบินของประเทศศรีลังกา หรือรู้จักกันในชื่อว่า “Colombo International Airport” และชื่อเดิม “Katunayake International Airport” โดยตั้งชื่อตามอดีตนายกรัฐมนตรี “Solomon West Ridgeway Dias Bandaranaike (සොලමන් වෙස්ට් රිජ්වේ ඩයස් බණ්ඩාරනායක)” เรียกสั้นๆ ว่า “S.W.R.D .Bandaranaike” เป็นนายกคนที่สี่ของ Ceylon ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น “ศรีลังกา”
สนามบินตั้งอยู่บริเวณชานเมือง Negombo ทางเหนือของเมืองหลวง Colombo ประมาณ 35 กิโลเมตร เป็นศูนย์กลางของสายการบินแห่งชาติ “SriLankan Airlines” และ “Cinnamon Air” สายการบินภายในประเทศ
Airport Code : CMB
มาถึงสนามบินก็บ่ายแก่ๆ พระอาทิตย์ใกล้ตกแล้ว คืนนี้พวกเราจะออกเดินทางลงใต้เพื่อไปค้างคืนที่ Bentota เมืองตากอากาศริมชายหาด ก็จะขับรถราวประมาณ 100 กิโลเมตร (จากสนามบิน) เพื่อไปพักที่โรงแรมเครือดังบ้านเรา “Centara Ceysands Resort & Spa”

การเดินทางตลอดทริปที่ศรีลังกาจะเป็นรถทัวร์ขนาดมินิส่วนตัว (ใหญ่กว่ารถตู้ปกติแต่ก็ไม่ใหญ่เท่ากับรถทัวร์) ซึ่งชาวคณะเรามีไม่มาก ก็เลยจัดไปนั่งสบายๆ ไม่ต้องเบียดกันครับ การขับรถของที่นี่ผมว่า “Fast 9” มารอถ่ายทำได้เลย คนขับค่อนข้างซิ่งเป็นเรื่องปกติ จะเห็นว่าที่นี่จะใช้แตรกันคุ้มค่ามาก หัวหน้าทริปพวกเราเล่าว่าใครไปอินเดียมาจะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศอันเร่าร้อนไม่แพ้กัน นั่งไปสักพักก็จะชินนะครับ ที่เล่ามาผมแอบใส่ไข่เล็กน้อย ของจริงไม่ได้อันตรายขนาดนั้นนะครับ มีซิ่งและบีบแตรหนักไปบ้างแต่ยังไม่เจอขั้น drift ให้เห็นเวลาเลี้ยวโค้ง ยังจัดว่าห่างไกล “สาย 8” บ้านเราหลายขุมยิ่งนัก หรือแม้แต่เรียกลงมาทำความเคารพยานพาหนะกลางถนนก็ยังไม่เจอกับตัวเอง #ทีมกราบรถ บ้านเราเผลอๆ ยังจะโหดกว่าเสียอีก ปาดกันนิดหน่อยก็ถามหาปลาเก๋ากันแล้ว (ผมเป็นแซลมอนรักสันติไม่ต้องถามนะครับ) ซึ่งการขับรถนี้อาจจะดูขัดกันสักเล็กน้อยกับนิสัยชาวศรีลังกาที่เราเห็นภายนอก ที่ค่อนข้างเต็มไปด้วยรอยยิ้มและความเป็นมิตร ดูไปก็คล้ายกับคนไทยเหมือนกันนะ
บนรถเจ๋งมากเลย มี Wifi ให้ใช้กันด้วย สัญญาณแรงระดับนึงเลย เพราะระหว่างเดินทางผมใช้ Facetime คุยกับลูกที่เมืองไทยได้สบายเลยครับ

เราจะขับไปตามทางด่วนสายแรกของศรีลังกา “Southern Expressway” ใช้ประมาณชั่วโมงเศษก็เดินทางมาถึงรีสอร์ทที่พักคืนนี้ครับ จะตั้งอยู่บริเวณแหลม Bentota ด้านหนึ่งของโรงแรมจะเป็น Bentota River และอีกฝั่งหนึ่งจะหันหน้าเข้าหามหาสมุทรอินเดีย การเดินทางเข้าสู่โรงแรมจึงต้องมีตัวช่วยเป็นเรือข้าม Lagoon มายังอีกฟากนึง โดยใช้เวลาเพียงสองสามนาทีเท่านั้น เรือลำค่อนข้างใหญ่ไม่ต้องกลัวในกรณีที่ว่ายน้ำไม่เป็นครับ

พอมาถึงทางโรงแรมก็มาต้อนรับอย่างเป็นกันเอง และก็ทันทีเมื่อ check-in เสร็จก็รีบเดินไปห้องอาหาร “Cafe Bem” เพื่อหม่ำมื้อเย็นกัน ซึ่งที่นี่ให้บริการอาหารเช้าด้วย พรุ่งนี้ก็จะกลับมาทานกันที่เดิมอีกรอบ
วันนี้บังเอิญว่าโรงแรมมี event พิเศษ เนื่องจากทางพ่อครัวของโรงแรมจะเข้าร่วมการแข่งขันทำอาหารนานาชาติ น่าจะอารมณ์ประมาณ “TV Champion” ระดับนานาชาติ งานนี้เลยได้หางเลขชิมอาหารอร่อยมากมาย เริ่มตั้งแต่ทานเล่นไปจานหลักและปิดท้ายด้วยของหวานเลยครับ
หากใครทานอิ่มแล้วยังอยากชิวต่อ ก็สามารถมาดื่มพร้อมฟังเพลงสบายต่อได้ที่ “Ceylon Club” หรือยามบ่ายก็สามารถมาจิบชาได้ เปิดให้บริการตลอดทั้งวันเลยครับ
นอกจากห้องอาหารหลักที่เราทานมื้อเย็น ยังมีห้อง “360 Restaurant” ซึ่งเปิดให้บริการช่วงอาหารเย็น หนักไปทางอาหารทะเลและอาหารสไตล์เอเชีย เหมาะสำหรับนั่งทานอาหารพร้อมชมวิวแม่น้ำและมหาสมุทรได้จากห้องอาหาร จะมีห้องติดแอร์เหมาะสำหรับเวลามาเป็นกลุ่มต้องการบรรยากาศส่วนตัว แต่แนะนำว่าทานแบบรับลมธรรมชาติน่าจะได้บรรยากาศกว่าครับ

ห้องพักสำหรับคืนนี้จะเป็น “Superior” ซึ่งเป็นห้องเริ่มต้น กว้างขวางกำลังดีและอยู่สบายครับ เหนื่อยมากสำหรับคืนนี้ พออาบน้ำเสร็จก็แทบสลบเลยทีเดียว
เช้านี้จะกลับมาทานอาหารกันที่ห้องเดิม “Cafe Bem” ซึ่งเป็นบุฟเฟ่ต์อาหารเช้านานาชาติ ผมก็เลือกทานอาหารตระกูลไข่เช่นทุกวันครับ นอกจากนี้ บนไลน์อาหารเช้าก็มีอาหารท้องถิ่นของชาวศรีลังกาด้วย เห็นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะลองทาน เป็นเหมือนแป้งเอาไปปิ้งบนถ้วยและก็นำมาทานจิ้มกับแกงถั่วหรือน้ำพริก อารมณ์ประมาณอาหารของชาวอินเดียที่ทานโรตี (Roti) หรือนาน (Naan) ขนมปังอินเดียเวลาทานกับแกงนั่นเอง

Hoppers :
เป็นอาหารของชาวศรีลังกา สามารถใช้ทานแทนข้าวได้เลย ทำมาจากแป้งข้าวเจ้า ยีสต์ กระทิ น้ำตาล มาผสมให้เข้ากัน ประมาณว่าทำแป้งสำหรับขนมปังแล้วทิ้งไว้ก่อน จากนั้นเวลาจะทาน ก็นำมาราดบนกระทะเล็กๆ ที่ทาน้ำมันไว้ (คล้ายกับทำขนมครก) แล้วเกลี่ยให้เป็นแผ่นบางทั่วกระทะ พอแป้งเริ่มเหลืองก็เสร็จแล้ว สามารถจัดชุดใหญ่ไฟกระพริบโดยใส่ไข่เพิ่มไปได้ตามใจชอบ


หลังจากทานอาหารเช้าก็มีโปรแกรมเดินทัวร์รอบโรงแรม ชมห้องประเภทต่างๆ แบบรวบรัดเนื่องจากเวลาที่ค่อนข้างจำกัด เป็นอีกหนึ่งความภูมิใจของโรงแรมสัญชาติไทยในต่างแดน สิ่งที่ผมชอบอีกอย่างระหว่างเดินชมก็เป็นภาพทิวทัศน์ที่แปะอยู่ข้างผนัง ทำให้เห็นว่าประเทศศรีลังกามีอะไรให้น่าติดตามเยอะมาก เห็นแล้วอยากกลับมาแก้มืออีกรอบ ถ้ามาทริปหน้าคงต้องทำการบ้านหนักหน่อยแล้ว
Centara Ceysands Resort & Spa :
Website : http://www.centarahotelsresorts.com/centara/ccs/
Facebook : http://www.facebook.com/centralhospitalityinternational
Instagram : http://www.instagram.com/explore_chr/
เสร็จแล้วก็ได้เวลาเดินทางไปยัง “Galle” เมืองมรดกโลกที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของศรีลังกา เป็นเมืองที่มีกลิ่นอายแห่งสีสัน ใครชอบถ่ายรูปต้องมาเดินเล่นครับ

ป้อมปราการเมืองกอลล์ / Galle Fort
ป้อมแห่งนี้อยู่บริเวณอ่าวเมือง Galle บริเวณชายฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศศรีลังกา ถูกสร้างขึ้นเป็นครั้งแรกโดยชาวโปรตุเกส (Portuguese) จนกระทั่งต่อมาเมื่อถูกยึดครองโดยชาวดัตช์ (Dutch) จึงได้มีการสร้างและขยายป้อมให้ใหญ่ขึ้นในช่วงกลางศตวรรษที่ 17 (1600s) ดังนั้นป้อมนี้จึงเป็นที่รู้จักในอีกชื่อว่า “Fort Dutch”
แรกเริ่มเดิมทีชาวโปรตุเกสได้ยึด Galle มาจากกษัตริย์ของชาวสิงหล (Sinhala) ซึ่งเป็นชาวพื้นเมืองดั้งเดิม (ชนส่วนใหญ่ของศรีลังกา) ในปี ค.ศ. 1587 และได้มีการสร้างป้อมปราการขึ้นเป็นครั้งแรกในปีถัดมาตลอดแนวยาวจากทะเลถึงท่าเรือ ต่อมาชาวดัตช์แผ่ขยายอาณานิคมบุกเข้ามาในปี ค.ศ. 1640 พร้อมเรือรบ 12 ลำ และกองกำลัง 2,000 นาย ได้แย่งต่อจากโปรตุเกสได้เป็นผลสำเร็จ หลังจากการต่อสู้อย่างหนักหน่วงเป็นเวลา 4 วัน ภายหลังกองกำลังดัตช์ได้สร้าง และขยายป้อมปราการเดิมให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น สร้างกำแพงล้อมรอบตัวเมืองเก่าที่ติดทะเลทั้ง 3 ด้าน อย่างที่เห็นกันทุกวันนี้ครับ
เสียดายช่วงเช้าฝนตก อยู่เดินได้ไม่นานนักก็เลยต้องวิ่งขึ้นรถ แล้วก็ออกไปทานมื้อเที่ยงกันก่อน โดยจะไปทานที่ “Jetwing Lighthouse” โรงแรมหรูติดทะเล ตั้งอยู่ติดกับเมืองที่เคยเป็นอาณานิคมของชาวดัตช์ (Dutch Colonial) เป็นผลงานออกแบบชิ้นเอกโดย “Geoffrey Bawa” สถาปนิกที่มีชื่อเสียงชาวศรีลังกา
Geoffrey Bawa :
(23 July 1919 – 27 May 2003)
เป็นสถาปนิกที่มีชื่อเสียงที่สุดในศรีลังกา มีผลงานออกแบบมากมายเป็นที่ยอมรับทั่วโลก

มาถึงก็ได้เวลามื้อเที่ยงพอดี แวะทานกันที่ห้องอาหาร “The Cardamom Cafe” — แปลว่า “กระวาน” เครื่องเทศที่รู้จักกันดี — เป็นห้องอาหารหลักของโรงแรม อาหารชุดทานเสร็จมีของหวานล้างปากปิดท้าย


ทานเสร็จมีทัวร์รอบรีสอร์ทเช่นเคยครับ เพราะโรงแรมนี้เป็นเครือเดียวกับที่พวกผมจะไปพักคืนนี้ มีห้องชนิดต่างๆ น่าพักทีเดียว บรรยากาศดีมาก
Jetwing Lighthouse :
เสร็จจากเดินสำรวจโรงแรมก็จะได้กลับไปเดินกันที่เมืองเก่าอีกรอบ ตรงนี้ถ้ามีเวลาให้เดินเล่นกำลังสนุก ควรอยู่อย่างน้อยสัก 2 ชั่วโมง กำลังดีเลยครับ

เดินกันอยู่สักพักก็ได้เวลาเดินทางกลับ คืนนี้เราจะย้อนขึ้นเหนือไปนอนใกล้สนามบิน เนื่องจากว่าพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้ามืดเพื่อที่จะได้ทันเที่ยวบินแรก เผลอนิดเดียวก็จวนจะได้เวลากลับบ้านซะแล้ว
กอลล์ (Galle) :
เป็นเมืองตากอากาศชายทะเลที่มีชื่อเสียงของประเทศศรีลังกา อยู่ห่างจากเมืองหลวง “กรุงโคลอมโบ (Colombo)” 116 กิโลเมตร หากใครมาเยือนทางตอนใต้แล้วไม่ควรพลาดที่จะมาเยือนเด็ดขาด
เมืองนี้มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน แม้ว่าทุกวันนี้เมืองจะเริ่มแผ่ขยายและมีการพัฒนา แต่ว่าภายในป้อมปราการของเมือง “Galle Fort” เวลาคงเดินไปอย่างช้าๆ ทำให้ยังรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของเรื่องราวที่ยังคงเดิมให้คิดถึงเมื่อวันวาน กำแพงเมืองเก่าได้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 17 (1600s) ผ่านช่วงยุคล่าอาณานิคมของโปรตุเกส ดัตช์ และอังกฤษ จนกระทั่งปัจจุบันนี้เป็นโบราณสถานสำคัญที่ถูกอนุรักษ์ไว้โดยองค์กร UNESCO ให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1988 เป็นต้นมา
ภายในเมืองเก่าจะสัมผัสได้ถึงอาคารเก่าแก่ที่เป็นสถาปัตยกรรมสไตล์ “Dutch Colonial” ที่ยังคงเดิมอนุรักษ์เอาไว้จนทุกวันนี้ เต็มไปด้วยร้านขายของที่ระลึก ร้านกาแฟ และโรงแรม ซึ่งมีเจ้าของเป็นกวี นักเขียน ศิลปิน ช่างภาพ และนักออกแบบ โดยเป็นชาวต่างชาติถึงหนึ่งในสามเลยทีเดียว
สำหรับคืนนี้จะนอนกันที่ “Jetwing Beach / Negombo” เสียดายมากที่มาถึงดึกและเดินทางเหนื่อยจนแทบหมดแรง เลยไม่ได้ถ่ายรูปอะไรกลับมาเลย เพราะถ้าเดินเก็บภาพก็กลัวว่าพรุ่งนี้นัดกันที่ Lobby ตอนตีสามกลัวตื่นไม่ไหวครับ
มื้อเย็นก็จะสั่งเป็นอาหารชุดคล้ายมื้อกลางวันเลยครับ ส่วนห้องพักก็กว้างขวางและสะอาดน่าอยู่ โรงแรมเครือนี้มีมากจริงๆ ทั่วประเทศเลย แค่ลำพังแถวที่ผมพักก็มี Jetwing ถึงสามแห่งติดกัน ยังไงดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ตามข้างล่างแล้วกันนะครับ
Jetwing Beach / Negombo :
ตื่นแต้เช้าแทบไม่มีเวลาทำอะไรครับ อาหารเช้าทางโรงแรมก็จัดใส่กล่องให้ไปทานที่สนามบินง่ายๆ ถ้าไม่อิ่มก็มีพวกร้านอาหารจานด่วนที่ไว้ใจได้ เช่น Burger King เป็นต้น ช่วงเช้านี่คิวจะยาวมาก ต้องดูเวลา check-in ให้ดีไม่อย่างนั้นอาจตกเครื่องบินได้ แต่ว่าก่อนกลับต้องขอซื้อของที่ระลึกยอดฮิตก่อน นั่นก็คือ “ชาซีลอน (Ceylon Tea)” อันมีชื่อนั่นเอง ไม่อยากบอกเลยว่า เมื่อก่อนผมฟังชื่อแล้วเข้าใจตลอดว่า “ชาซีลอน” มาจากเมืองจีน ที่ไหนได้เป็นศรีลังกา ซึ่งเป็นแหล่งปลูกชาที่มีชื่อเสียงของโลกแห่งหนึ่งนั่นเอง ภายในสนามบินมีร้านแบรนด์ที่คุ้นเคยในบ้านเราอย่าง “Delmah” แต่น้องที่มาด้วยกันแนะนำให้ลองอีกแบรนด์ที่คนไทยไม่ค่อยรู้จักมากกว่าอย่าง “Basilur” ซึ่งมาในห่อบรรจุภัณฑ์ที่สวยและน่าเก็บมาก มีทั้งแบบกล่องดนตรีและแบบของฝากห่อของขวัญเป็นที่ระลึก สำหรับรสก็คงไม่ต้องห่วงอยู่แล้วครับ
พอเก็บของที่ซื้อมาเสร็จสักพัก ก็จวนได้เวลาขึ้นเครื่องแล้วครับ แต่ตอนไปต่อแถวเพื่อตรวจความปลอดภัยนี่จะยาวมาก เนื่องจากทุกประตูจะเข้ารวมกันที่เดียวหมด ยังดีที่ทางเจ้าหน้าที่สนามบินมาสอบถามเที่ยวบินที่กำลังจะออก ก็เลยได้ตัดแถวไปก่อนชาวบ้าน ไม่อย่างนั้นโอกาสตกเครื่องบินสูงมากครับ จึงแนะนำว่าให้ดูเวลาเครื่องออกให้แน่ใจแล้วมาต่อแถวเผื่อเวลาได้ด้วยครับ
สุดท้ายนี้ อยากขอบคุณทุกคนที่ตามอ่านจนจบครบทั้งสามตอนมหากาพย์ รวมถึงขอบคุณผู้มีอุปการคุณทุกท่านอีกครั้งด้วยครับ
ขอบพระคุณ “SriLankan Airlines” ที่สนับสนุกเรื่องการเดินทางอันแสนประทับใจ โดยเฉพาะ “น้องแอน” ทีมงานจากสายการบินที่ตามมาคอยอำนวยความสะดวกและประสานงานตลอดทริปนี้ ช่วยดำเนินการจัดที่นั่งริมหน้าต่างให้ชมวิวสวยๆ ตลอดทริปจากบนฟ้าเหนือทะเลมัลดีฟส์
ขอบพระคุณ “Centara Ceysands Resort & Spa” สำหรับห้องพักและการต้อนรับอันอบอุ่นของการมาเยือนประเทศศรีลังกาครั้งแรกครับ
ขอบพระคุณ “Jetwing Lighthouse / Galle” และ “Jetwing Beach / Negombo” สำหรับที่พักแสนสะดวกสบายและอาหารสุดอร่อยในทริปวันสุดท้ายของการเดินทางครับ
ทริปนี้จะไม่เกิดขึ้น หากไม่มี “Billion Destinations” ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการท่องเที่ยวครบวงจร อาทิ การให้บริการจองตั๋วเครื่องบิน โรงแรมที่พัก รถเช่า เรือสำราญ วีซ่า ฯลฯ และ “Maldives Fanclub” แหล่งรวมข้อมูลแบบเจาะลึกทุกอย่างเกี่ยวกับมัลดีฟส์ ดำเนินงานโดย “คุณพีท” ที่จุดประกายและสานฝันของทริปในดวงใจผมให้เป็นจริงขึ้นมา
สุดท้ายที่ขาดไม่ได้ “Canon Image Square by Photo Bug Chiang Mai” และ “Canon Marketing (Thailand) Company Limited” ผู้สนับสนุนที่อยู่เบื้องหลังการเก็บภาพบันทึกความทรงจำดีๆ กลับมาเช่นเคยเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา สำหรับอุปกรณ์ถ่ายภาพ ขอบคุณ “คุณอ้อม” และ “เพื่อนป๊อบ” มา ณ ที่นี้ด้วยครับ
เชิญชมภาพใน Gallery ด้านล่างครับ