อลังการบุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่น ~ “เรน ดาราเทวี” ภูมิใจนำเสนอ : “เชฟก้อง” ผู้เขย่าบัลลังก์เชฟกระทะเหล็ก
— “โรงแรมดาราเทวี เชียงใหม่” —
ช่วงนี้มีโอกาสกลับไป “โรงแรมดาราเทวี เชียงใหม่” อีกรอบครับ หลังจากคราวก่อนมาภารกิจชิมกาแฟเสร็จ จึงรวดต่อด้วยบุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่นอันเลอค่า “Ren by Dhara Dhevi” โดยร้านจะอยู่ตรงบริเวณด้านหลัง Main Lobby ของโรงแรมเลยครับ สามารถนำรถเข้าไปลานจอดด้านในจะได้ไม่ต้องเดินไกล แต่ถ้าใครต้องการเดินชมก็อาจทิ้งรถไว้ด้านนอก เผื่อตอนทานเสร็จถือว่าเดินย่อยไปในตัวครับ ปกติแล้วจะในส่วนของบุฟเฟ่ต์จะมีทุกเย็นวันศุกร์และเสาร์ 18.00 น. ถึง 22.00 น. ก็สามารถนั่งทานกันได้จนร้านปิดเลยครับ (ไม่มีจำกัดเวลา) ช่วงที่ผมไปนี่คนยังไม่แน่นเท่าช่วงเปิดใหม่ปลายปีก่อน ดังนั้นใครอยากทานต้องรีบจัดให้ไวเลยครับ หากเริ่มช่วงไฮนี่แขกอาจจะแน่นมากแล้วต้องจองล่วงหน้ากันเป็นสัปดาห์เลยทีเดียว
(พื้นที่โฆษณาครับ) ก่อนไปอ่านอย่าลืมตามไปแวะทักทายกันที่เพจและอินสตาแกรมได้นะครับ
Facebook : http://www.facebook.com/oatenroute
Instagram : http://www.instagram.com/warodomphotography
“ดาราเทวีแสนงาม” มุมมหาชนที่มองจากประตูทางเข้า
ตอนแรกสุดนี่ผมลังเลเหมือนกันครับ ว่าจะเลือกทานอันไหนดีระหว่าง Buffet หรือ A la carte น่ะครับ เพราะเคยเห็นเมนูอาหารญี่ปุ่นตามสั่งแต่ละอย่างนี่น่าทานขั้นเทพทั้งนั้น แต่หลังจากนอนคิดดูหลายคืน ขอเลือกทานมื้อนี้เป็นแบบบุฟเฟ่ต์จะดีกว่า เนื่องจากอาหารหลากหลายมากมายเป็นร้อยอย่าง ถึงแม้ว่าภาพรวมหมัดต่อหมัดดูแล้วอาจไม่สุดยอดเท่าเลือกทานแบบ A la carte ก็ตาม ที่สำคัญรอบนี้จะไปพร้อมกันทั้งครอบครัว คิดว่าลูกชายผมคงสนุกกับการเดินตักบุฟเฟ่ต์ รวมไปถึงมีอาหารให้เลือกเยอะแน่นอน
“Chiraishi Don”
เป็นโรคภูมิแพ้แซลมอน (ต้องรีบหยิบมาทานก่อนเป็นอันดับแรก) — “Salmon Ikura Don”
ผมขอประเดิมด้วยเมนูโปรดส่วนตัว ข้าวซูชิหน้าปลาดิบก่อนเป็นอันดับแรกครับ เท่าที่ผมดูเหมือนจะมีอยู่สามอย่างจากเมนูทั้งหมด มีโอกาสได้ลองสองอย่างหลังครับ แต่กลับผิดคาดกับ “Chiraishi Sykho Don” ซึ่งมองผ่านตอนแรกรู้สึกเฉยๆ แต่พอทานแล้วส่วนตัวกลับชอบซอสหวานที่ทำให้ลงตัวกว่า “Salmon Ikura Don” ที่แอบเล็งไว้อย่างแรกเลย โดยรวมผมชอบทั้งสองนะครับ แต่เอนเอียงมาอันหลังมากกว่าจนต้องกลับไปจัดอีกรอบทั้งที่ตอนช่วงหลังนี่ท้องเริ่มตึงแล้ว สำหรับรายการนี้ แนะนำให้รีบหยิบตอนใหม่ๆ จะสดอร่อยกว่าทิ้งไว้นาน จะแลดูแห้งและไม่น่าอร่อยเท่าไหร่ แนะนำว่าคอยเล็งตอนพนักงานเอามาลงเพิ่มให้รีบไปหยิบมาเลยดีกว่าครับ
“ยำสาหร่าย (Chuka Wakame)” เอาไว้ทานเล่นๆ เวลาพักยก
Don Menu :
ข้าวซูชิหน้าปลาดิบรวม / Chiraishi Don
ข้าวซุชิหน้าปลาดิบรวมพร้อมซอสมิโซะหวาน / Chiraishi Sykyo Don
ข้าวซูชิหน้าปลาแซลมอนและไข่ปลาแซลมอน / Salmon Ikura Don
“เชฟก้อง (ตัวเป็นๆ)” มาสเตอร์เชฟแห่ง “เรน ดาราเทวี” ผู้ผ่านสังเวียนทำอาหารสุดโหดจากรายการเชฟกระทะเหล็ก
ในส่วนของห้องอาหารญี่ปุ่น “Ren by Dhara Dhevi” ก็จะได้ “เชฟก้อง” หรือ”เชฟก้องวุฒิ ชัยวงศ์ขจร” — ซึ่งเป็นผู้ท้าชิงซึ่งไปเขย่าสังเวียนเชฟกระทะเหล็กแห่งประเทศไทย พร้อมกับโค่นบัลลังก์เชฟกระทะเหล็ก (อาหารญี่ปุ่น) ด้วยอายุน้อยที่สุดอีกด้วย — มาประจำอยู่เป็นมาสเตอร์เชฟคอยควบคุมดูแลและรังสรรค์เมนูอาหารญี่ปุ่นของโรงแรมครับ
บริเวณซุ้มถัดมาใกล้กันจะเป็นพวก “Tataki – ยำปลาดิบสไตล์ญี่ปุ่น” อันนี้พ่อครัวจะใช้ไฟย่างให้สุกอ่อนๆ แต่ข้างในยังดิบอยู่ ปรุงรสเพิ่มด้วยหอมซอยและน้ำส้มสายชู รสชาติของยำจะไม่ทรมานระบบทางเดินอาหารเหมือนของบ้านเรา รสไม่จัดเกินออกไปทางจืดเล็กน้อย เป็นอีกหนึ่งเมนูที่ตอนแรกเห็นแล้วข้ามไปก่อน กลับมาทานตอนหลังเห็นของหมด จึงขอทางเชฟทำให้ใหม่ ผมว่าอร่อยและดูดีกว่าเวลาทิ้งไว้นานๆ พอสมควร ตรงนี้เมนูไหนหมดหรือเห็นว่าทิ้งไว้นานเกินไป ก็ขอเชฟทำใหม่ได้แต่อาจรอนิดหน่อยตามคิวนะครับ
Tataki Menu :
ยำแซลมอนสไตล์ญี่ปุ่น / Salmon Tataki
ยำปลามากุโระสไตล์ญี่ปุ่น / Akami Tataki
“ซุ้มสลัด” อันนี้เดินผ่านอย่างรวดเร็ว — “อย่าเสียงดังไปนะครัช”
สลัดบาร์เป็นอีกหนึ่งซุ้มมาตรฐานของไลน์บุฟเฟ่ต์สากล ผมขออนุญาตไม่สโลว์ไลฟ์ข้ามไปงดกินคลีนหนึ่งวัน — ความจริงปกติก็ด้านมืดอยู่แล้ว — มีหลายอย่างให้เราเลือกทำเองว่าอยากทานสลัดแบบไหน มีทีเด็ดอยู่ที่ “ปลาเงินทอดกรอบ” ซึ่งเตรียมไว้สำหรับทานกับสลัดครับ ผมเห็นแล้วตักใส่ถ้วยมาชิมเปล่าๆ (ผักไม่ต้อง) อยากบอกว่าเด็ดมากจนต้องเอามาอีกหลายรอบ อารมณ์ประมาณ “ปลาฉิงฉ้าง” ทอดกรอบบ้านเรา แต่ของที่นี่ทอดได้ฟูกว่าล้านเท่าครับ
ป.ล. อันนี้ผมเคยอ่านเจอในเว็บที่คนมารีวิว (ช่วงเปิดใหม่ๆ) ติว่าปลาไม่กรอบเอาเสียเลย ตรงนี้ไม่รู้ว่าทำยังไงเหมือนกันถึงได้กรอบอร่อยจนท้าให้ลอง หรือมีการปรับปรุงเอาไฟอุ่นอาหารมาตั้งส่องไว้ตลอดรึเปล่า จึงทำให้ปลากรอบเหมือนทอดใหม่แม้ทิ้งไว้นาน หวังว่าใครตามไปชิมจะกรอบแบบนี้เช่นกันครับ เป็นอีกหนึ่งเมนู “Super Secret Item” ซึ่งหลายคนอาจไม่สนใจ อันนี้อยากแนะนำเลยครับ ทั้งกรอบหอมอร่อยและไม่ตัดกำลัง รับประกันความอร่อยจากที่ผมเดินไปตักซ้ำเมนูนี้มาทานถึงสามรอบ
Salad Menu :
สลัดปลาเงินทอดกรอบ / Shirauo Karaage Salad
สลัดปลาแซลมอนซอสมายองเนสรสเผ็ด / Spicy Salmon Salad
สลัดปลาดิบรวม / Kaisen Salad or Sashimi Saladหมายเหตุ : จากเมนูบุฟเฟ่ต์เดิม ตอนแรกนึกว่าจะมีเตรียมสลัดใส่ถ้วยไว้ครับ เคยเห็นช่วงเปิดใหม่คุ้นว่าจะจัดไว้ให้หยิบไปทานได้เลย คาดว่าเหตุผลส่วนหนึ่งเพื่อความสดจึงไม่ได้ทำทิ้งไว้เหมือนก่อน สอบถามเพิ่มเติมได้ความว่าแต่ละคนอาจชอบผักหรือเครื่องไม่เหมือนกัน เลยจัดเป็นสลัดบาร์ล้วนๆ ให้ตักตามใจชอบดีกว่าครับ
“Chicken Karaage & Tonkatsu”
ต่อมาก็จะเป็นคิวของทอดนะครับ เป็นอีกซุ้มที่ผมไม่ได้ลองทานเท่าไหร่ เพราะเห็นว่าทานไปต้องอิ่มเร็วแน่นอน (มาเจอทีหลังว่ามีปลาเงินทอดกรอบอยู่ตรงนี้ด้วย) บอกตามตรงว่าเมนูบุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่นที่นี่เยอะจริงๆ ถ้าอยากเก็บหมดคงต้องมาทานบุฟเฟ่ต์อย่างน้อยสองรอบครับ
Fry Menu :
ไก่ทอดคาราเกะ / Chicken Karaage
ปลาเงินทอดกรอบ / Shirauo Karaage
หมูทอดทงคัตสึ / Tonkatsu
“Ebi Tempura” ทอดกุ้งได้ฟูและกรอบอร่อย
มาถึงซุ้มเทมปุระ แอบเสียดายที่ทอดมาเรียบร้อยแล้ว (แต่ก็ยังดีที่คงความกรอบอยู่) อยากให้เป็นซุ้มทอดอยู่ด้านนอกเหมือนตอนเปิดช่วงแรกครับ นึกถึงเวลาทอดขึ้นมาใหม่ๆ นี่คงกรอบอร่อยสุดยอดไปเลย
“Okonomiyaki” พิซซ่าญี่ปุ่นที่อยู่ถัดไปนิดเดียว #ด่านตัดกำลัง
Tempura Menu :
กุ้งเทมปุระ / Ebi Tempura
เห็ดเข็มทองเทมปุระ / Enogi Tempura
ฟักทองเทมปุระ / Pumpkin Tempura
หัวหอมใหญ่เทมปุระ / Onion Tempura
เห็ดหอมสดเทมปุระ / Shitake Tempura
เห็นนางรมหลวงเทมปุระ / Oyster Mushroom Tempura
ต้นหอมญี่ปุ่นเทมปุระ / Negi Tempura
มันหวานเทมปุระ / Sweet Potato Tempura
รากบัวเทมปุระ / Lotus Root Tempura
มะเขือม่วงเทมปุระ / Japanese Eggplant Tempura
เผือกทอดเทมปุระ / Taro Tempura
แครอทเทมปุระ / Carrot Tempura
หน่อไม้ฝรั่งเทมปุระ / Asparagus Tempura
กระเจี๊ยบสดเทมปุระ / Okra Tempura
“Chicken Teriyaki” ดูน่าทานทีเดียวครับ
ต่อมาเป็นพวก “Yakimono” พวกอาหารย่างบนกระทะแบน ซึ่งทำสำเร็จใส่ไว้ในถาด ส่วนใหญ่แถวนี้เหมาะสำหรับเด็กเล็กที่ยังไม่ทานพวกปลาดิบเท่าไหร่ อย่างลูกผมก็เลือกทาน “Chicken Teriyaki” กับ “Salmon Teriyaki” ครับ ผมมีโอกาสได้ลองแค่ปลาแซลมอนย่างซอสเทริยากิ เห็นเขาเตรียมไว้น่าทานเลยอดใจไม่ไหว แต่เจอไปแค่ชิ้นเดียวก็แทบจุก เพราะว่าเขาแล่ปลาไว้ชิ้นใหญ่มาก จัดว่าเป็นอีกหนึ่งด่านตัดกำลังที่น่ากลัวจริงๆ ขนาดปลาแต่ละชิ้นก็เล็กกว่าที่เขาให้ในร้านอาหารญี่ปุ่นตามห้างไม่มาก — #ปลาซาบะก็เช่นกัน — ทานไปอย่างเดียวก็แน่นแล้วไม่ทันได้ลองเมนูอื่นในโซนนี้เท่าไหร่ หากแบ่งย่อยเป็นชิ้นเล็กกว่านี้สักครึ่งคงดีมาก เพราะจะทำให้ทานอย่างอื่นได้หลากหลายขึ้นครับ
“Burikama Shioyaki” หรือ “หัวปลาบุรีย่างเกลือ” — อันนี้เหมือนแทน “Salmon Shioyaki” ในเมนูปกติครับ
“Nasu Denkogu” — พอทานพวกเนื้อแล้วเลี่ยนก็เปลี่ยนมาลองพวกผักบ้างดีกว่า
อีกเมนูที่น่าสนใจในส่วนนี้ก็เป็น “มะเขือม่วงย่างซอสมิโซะ (Nasu Denkogu)” ตั้งอยู่บริเวณประตูที่ออกไปโซนด้านนอกเลยครับ เล็งไว้หลายรอบแต่ไปไม่ถึงสักทีเลยไม่ทันชิมว่าเป็นอย่างไร ปกติก็จะชอบทานมะเขือม่วงอยู่แล้ว รอบหน้ามีโอกาสกลับไปรับรองว่าไม่พลาดอย่างแน่นอน แต่ขอเลือกเอาชิ้นเล็กหน่อยละกัน
“หอยเชลล์ผัดมิโซะหวาน (Hotate Denkogu)” ทำออกมาได้น่าทานจุงเบย
บริเวณใกล้กันจะเห็น “ข้าวหน้าเนื้อ (Gyudon)” — ตอนช่วงที่ผมไปบอกว่าเป็น “เนื้อวากิว” — กับ “ข้าวหน้าปลาไหล (Unadon)” ซึ่งอันนี้จะมีโชว์ตัวอย่างไว้ครับ ใครอยากทานก็ให้สั่งผ่านพนักงาน เพื่อที่จะได้ทำให้ใหม่ร้อนๆ หากตั้งทิ้งไว้รอคนมาหยิบไปคงไม่อร่อย อย่างที่เห็นครับ นอกเหนือจากเมนูปกติทางร้านแล้ว บางทีก็จะมีอะไรนอกเมนูมาปนกันไปบ้าง รวมไปถึงเมนูอาหารสดบางอย่างของร้านที่อาจต่างกันไปในแต่ละสัปดาห์ เท่าที่ได้สอบถามไป ได้คำตอบประมาณว่าขึ้นอยู่กับของสดที่มาจากญี่ปุ่นในแต่ละรอบครับ
Yakimono Menu :
ปลาแซลมอนย่างเกลือ / Salmon Shioyaki
ปลาแซลมอนย่างซอสเทริยากิ / Salmon Teriyaki
ปลาซาบะย่างซีอิ๊ว / Saba Teriyaki
ไก่ย่างซอสเทริยากิ / Chicken Teriyaki
มะเขือม่วงย่างซอสมิโซะ / Nasu Denkogu
ในส่วนของพวกซุปก็จะมีไว้เหมือนบุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่นทั่วไป รวมไปถึงไข่ตุ๋นของโปรดเด็กๆ ด้วย ท่าทางลูกผมจะชอบเพราะเห็นไปหยิบมาสองรอบเลยครับ
Soup Menu :
ซุปใส / Osuimono
ซุปมิโซะ / Miso Soup
ไข่ตุ๋น / Chawan Mushi (Savory Steamed Custard)
สำหรับคนที่ติดข้าว (ไม่ใช่ผมแน่นอนล่ะ) ทานกับอย่างเดียวเหมือนว่ามันไม่ครบมื้อขาดอะไรบางอย่าง ทานร้านอาหารก็จะมีให้ทั้งข้าวสวยญี่ปุ่นแบบธรรมดา และก็ข้าวผัดกระเทียม
Gohan Mono Menu :
ข้าวสวยญี่ปุ่น / Gohan (Steamed Rice)
ข้าวผัดกระเทียม / Garlic Fried Rice
ต้นหอมซอยสำหรับเวลาทานซุปหรือหมี่เย็น
Noodles Menu :
โซบะเย็น / Zaru Soba
โซเมนเย็น / Zaru Somen
ข้ามไปอีกฟากของประตูทางออกไประเบียงด้านนอก จะมีพวกหมี่เย็นให้เลือกตักพร้อมทำเองเลยครับ อันนี้ใครชอบก็เอาไปทานด้วยกันกับเทมปุระก็โออยู่ครับ
นอกเรื่องเล็กน้อยเกี่ยวกับ “โซเมน” :
ปกติแล้วเวลาไปตามร้านอาหารญี่ปุ่น เวลาทานพวกเส้นผมมักสั่งแต่โซบะและอุด้ง พอมาเจอโซเมนก็เลยสับสนเหมือนกัน พวกเส้นนี้อันที่จริงแล้วก็จะแตกต่างกันเรื่องส่วนผสมครับ โซเมนนี่เห็นแล้วคงนึกถึงขนมจีนบ้านเรา แต่รสชาติต่างกันอยู่ อย่างโซเมนจะทำจากแป้งสาลีทำเป็นเส้นๆ มีขนาดเล็ก มีวิธีการกินที่เป็นเอกลักษณ์ หากทำกินเองก็เพียงเอาเส้นไปต้มธรรมดา และก็ยีๆ ในน้ำเย็นไม่ให้เส้นติดกัน (ของทางร้านนี้จะมีเครื่องพิเศษสำหรับแช่เส้นไว้ ซึ่งเวลาแช่น้ำก็จะหมุนเป็นวงกลมตลอดเวลาไม่ให้เส้นติด) ตอนกินก็เสิร์ฟพร้อมเกล็ดน้ำแข็งเล็กๆ เป็นอาหารสำหรับฤดูร้อนของญี่ปุ่น
บางคนอาจพอนึกออกเวลาดูรายการทีวีญี่ปุ่น ที่เห็นเส้นหมี่ลอยมาตามน้ำบนรางไม้ไผ่ เวลาจะทานก็คีบเวลาเส้นวิ่งผ่านหน้าเราน่ะครับ อันนี้ล่ะเป็น “โซเมน” เรียกการทานแบบนี้ว่า “โซเมนเย็นในรางไม้ไผ่”หรือ “Nagashi Somen”
เกี่ยวกับ “เส้น” :
ไหนๆ ก็ออกทะเลมาไกลแล้ว ขอยาวไปอีกหน่อยละกันเพราะไปเสียเวลาหาข้อมูลเพิ่มมาแล้ว อย่างน้อยก็เขียนไว้เตือนความจำให้ตัวเองครับ อาหารประเภทเส้นของญี่ปุ่นมีหลายอย่าง ขอเอาแต่พวกหลักๆ ที่ทานเหมือนเวลากินเส้นบ้านเราละกันครับ
โซบะ (Soba) : อันนี้เป็นเส้นหลักที่ผมรู้จักแรกๆ ตั้งแต่จำความได้ เพราะชอบอ่านการ์ตูนญี่ปุ่น แล้วก็จะเห็นทานพวก “ยากิโซบะ” กันบ่อยๆ ตัวเส้นจะทำจากแป้ง “Buckwheat” มีสีออกน้ำตาลอ่อน นิยมทานกันทั้งแบบเย็น ผัด หรือทานแบบซุป
โซเมน (Somen) : พูดไปเยอะข้างต้นแล้วครับ สรุปก็ทำจากแป้งสาลี เส้นมีสีขาวนวล เป็นที่นิยมทานในหน้าร้อน
อุด้ง (Udon) : ทำจากแป้งสาลีเหมือนโซเมน อันนี้นิยมทานหน้าหนาว มักเสิร์ฟทานแบบซุปร้อน เส้นอุด้งอวบนุ่มหนาใหญ่ เวลาทานกับซุปจึงให้ความอบอุ่นในหน้าหนาวเป็นอย่างดี
ราเมน (Ramen) : อันนี้ก็ประมาณบะหมี่เหลืองที่เราทานกันประจำ เส้นสีเหลืองก็ได้รับอิทธิพลจากจีน
“ง่อวววว…ว์” อ่านกันมาถึงตรงนี้ เดินสำรวจอาหารมาซะทั่วห้องอยู่นาน ในที่สุดก็ได้เวลาถึงจุด Climax (ยกสอง) กันเสียทีครับ จะเป็นอะไรไปเสียไม่ได้นอกจาก “ซุ้มปลาดิบและซูชิ” ซึ่งตั้งอยู่ตรงกลางห้องอาหาร เชื่อว่าตรงนี้เป็นสมรภูมิรบหลักที่แขกจะมาตักอาหารมากที่สุด และก็เป็นเป้าหมายสำคัญของการมาทานบุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่นที่นี่ด้วยครับ
ส่วนของเมนูอาหารโซนนี้ ไม่ว่า Sushi หรือ Maki รวมไปถึง Sashimi จัดได้ว่าเป็นเมนูหลักเลยทีเดียว ในส่วนของปลาดิบนี่มีการเติมตลอดเวลาจนแทบหยิบไม่ทัน ส่วนนึงอาจเพราะแขกที่มายังไม่เต็มความจุมากนัก ถือว่าเป็นการอุ่นเครื่องก่อนเปิดฤดูอย่างจริงจัง เมนูทั้งหลายมันเยอะมากจนจำไม่ได้และเรียกไม่ถูกเลยครับ
ก็เริ่มต้นกับบุฟเฟ่ต์กันอย่างแท้จริงตรงนี้ละกันครับ ปลาดิบทั้งหลายแล่ได้ชิ้นใหญ่หนาและเต็มคำมาก ทานไปไม่กี่ชิ้นก็อิ่มกันได้เลย โดยเฉพาะคุณสุภาพสตรีอย่างภรรยาผมเองที่บอกว่าชิ้นโตเวลาเข้าปากนี่แทบล้นออกมา ก็แอบบ่นเล็กน้อยว่าทานลำบาก ต้องคอยเลือกเอาชิ้นเล็กๆ แทน ส่วนผมนี่ฟินเหลือเกินเวลาเอาเข้าปากทั้งคำอย่างนี้
Sashimi Menu :
ปลาแซลมอนซาชิมิ / Salmon Sashimi
ปลามากุโระเนื้อแดงซาชิมิ / Akami Sashimi
ปลาฮามาจิซาชิมิ / Hamachi Sashimi
ปลาหมึกขาวซาชิมิ / Ika Sashimi
หนวดปลาหมึกขาวซาชิมิ / Gesso Sashimi
หอยเชลล์ซาชิมิ / Hotate Sashimi
ปลาหมึกยักษ์ซาชิมิ / Tako Sashimi
ปลาชิมาอะจิซาชิมิ / Shima Aji Sashimi
ปลามาไดซาชิมิ / Madai Sashimi
ไข่หวานม้วน / Tamagoyaki Sashimi
ปลาซาบะดองซาชิมิ / Shime Saba Sashimi
ปูอัดซาชิมิ / Kani Kamaboko Sashimi
หอยปีกนกซาชิมิ / Hokkigai Sashimiหมายเหตุ : บางครั้งปลาก็อาจไม่ครบ (ขึ้นกับฤดูกาลด้วย) แต่ตัวยืนพื้นหลักๆ ก็มีตลอดครับ
“บุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่น (ที่สุดของแจ้)”
บุฟเฟ่ต์ค่ำคืนนี้ผมตั้งใจมาทาน “Hamachi” โดยเฉพาะครับ (พูดแล้วยังฟินไม่หาย) ชิ้นโตและสดมากสมราคาบุฟเฟ่ต์ เวลาใช้ตะเกียบคีบลำบากเหมือนกันเพราะจะลื่นตลอด ต้องขอบคุณเชฟคอยใช้ตะเกียบยักษ์ช่วยคีบใส่จานให้ครับ โชคดีวันศุกร์ที่ไปทานคนมาไม่เยอะจนล้น เชฟดูท่าทางไม่ยุ่งจนเกินไป นอกจากคอยช่วยแล้ว ยังเติมปลาดิบไม่ขาดช่วงอีกด้วย ส่วนอีกเมนูที่หมายมั่นปั้นมือมากก็ “หอยเชลล์ซาชิมิ (Hotate Sashimi)” ที่สุดยอดแห่งความสดไม่แพ้กัน เดินไปตักสองอย่างนี้อยู่หลายรอบทีเดียว มาถึงตรงนี้ยังจำความรู้สึกและรสชาติตอนหอยเชลล์อยู่ในปากได้อยู่เลย
“King Crab Sashimi”
นอกจากนี้ ยังมีเมนูที่เพิ่มเข้ามาใหม่หลังจากปรับราคาจากช่วงแรกที่เปิดบุฟเฟ่ต์ ก็คือ “ขาปูอลาสก้า (King Crab Sashimi)” เติมแบบไม่อั้นเช่นกัน ความสดและรสชาติผมว่าได้มาตรฐานของปูอลาสก้าเลยครับ
กลับมาถึงเมนู Sushi กันต่อเลยดีกว่าครับ แบบว่ามันเยอะมาก หลายหลายเมนูวางเรียงรายล้อมเชฟที่กำลังปั้นกันอย่างสนุกมือ บอกตามตรงว่าทานได้ไม่ครบ ที่สำคัญเป็นอะไรบ้างก็ไม่รู้เนื่องจากละลานตาไปหมด เอาเป็นว่าลองไปดูตามเมนูดีกว่า เผื่อสนใจอันไหนทำการบ้านไปล่วงหน้า เวลาไปถึงจะได้ชี้เป้าถูกครับ
“Unagi Nigiri” อีกหนึ่งเมนูยอดนิยม
Sushi Menu :
ซูชิปลาแซลมอน / Salmon Nigiri
ซูชิปลาแซลมอนซอสมายองเนสรสเผ็ด / Spicy Salmon Nigiri
ซูชิปลาแซลมอนย่างไฟ / Salmon Aburi Nigiri
ซูชิปลาแซลมอนซอสมิโซะหวาน / Salmon Sykyo Nigiri
ซูชิปลาฮามาจิ / Hamachi Nigiri
ซูชิปลาฮามาจิซอสมิโซะหวาน / Hamachi Sykyo Nigiri
ซูชิปลาฮามาจิย่างไฟ / Hamachi Aburi Nigiri
ซูชิปลามากูโระเนื้อแดง / Akami Nigiri
ซูชิปลามากูโระย่างไฟ / Akami Aburi Nigiri
ซูชิหน้าปลาไหล / Unagi Nigiri
ซูชิหน้าปลาหมึกยักษ์ / Tako Nigiri
ซูชิหน้าปลาหมึกขาว / Ika Nigiri
ซูชิปลาชิมาอะจิ / Shima Aji Nigiri
ซูชิปลามาได / Madai Nigiri
ซูชิหน้าไข่หวาน / Tamago Nigiri
ซูชิหน้าปลาซาบะดอง / Shime Saba Nigiri
ซูชิหน้าปลาซาบะดองย่างไฟ / Shime Saba Aburi Nigiri
ซูชิหน้ากุ้ง / Ebi Nigiri
ซูชิปูอัด / Kani Kamaboko Nigiri
ซูชิพิเศษตามฤดูกาล / Seasonal NigiriMaki Menu :
แคลิฟอร์เนียมากิ / California Maki
มากิไส้กุ้งเทมปุระ / Crunchy Roll
มากิปลาแซลมอนราดซอสมายองเนสรสเผ็ด / Spicy Salmon Roll
ไข่หวานเมนูโปรดของลูกชาย
โดยภาพรวมก็รายการ Sushi และ Maki ตามข้างบนครับ แต่ก็อาจมีอย่างอื่นสอดแทรกมาบ้างหรือตัดออกตามฤดูกาลและความเหมาะสม ซึ่งผมก็ดูไม่ออกเพราะเมนูมันเยอะจริงๆ เอาเป็นว่าซุ้มปลาดิบและข้าวปั้นต่างๆ ก็ประมาณนี้ล่ะครับ รับรองเลยว่าไม่ผิดหวังแน่นอนในเรื่องความสดครับ
“ปลาซันมะย่างเกลือ” หอมกรุ่นจากเตา
และแล้วก็ได้เวลาออกเดินไปโซนนอกระเบียงสักที ซึ่งจะมีอาหารแนว “Izakaya & Robotayaki” พร้อมสั่งและเสิร์ฟให้ทุกคนถึงโต๊ะไม่ต้องมาตามหรือยืนรอ ยังไงก็ตามต้องเผื่อใจไว้นิดนึงเวลารอนะครับ เพราะเป็นที่หมายปองของหลายคน ตอนทำก็ใช้เวลาพอสมควรทีเดียว (ประมาณ 15-20 นาที) ครั้งแรกที่สั่งนี่กว่าจะมาผมแทบลืมเลยครับ หากมาถึงผมว่าไปสั่งก่อนชาวบ้านเลย เพราะช่วงแรกคนจะพุ่งไปที่ซุ้มปลาดิบก่อน แล้วค่อยไปหาอย่างอื่นทานรอครับ
Izakaya :
เป็นวัฒนธรรมการกินแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่มีมาอย่างยาวนาน ให้บรรยากาศและอารมณ์ผ่อนคลาย โดยมีเชฟเสิร์ฟเมนูอร่อยคุณภาพคับจาน อาจจะอารมณ์ประมาณคนญี่ปุ่นเลิกงานแล้วมาทานกับแกล้มกินกับพวกสาเกครับ
Robotayaki :
ที่มาของแนวนี้ ก็คือ การปรุงอาหารแนวปิ้งย่างหน้าเตาถ่าน อารมณ์จะออกแนว “slow-grilled” ปิ้งย่างไปอย่างช้าๆ เปรียบเปรยกับภาษาเหนือของไทยก็คงประมาณว่า “ต่อนยอน” ออกแนวบาร์บีคิวเสียบไม้ทั้งหลาย ซึ่งจุดเด่นของ Robotayaki คือ พ่อครัวจะปิ้งย่างและคุยกับลูกค้า เพลิดเพลินไปกับอาหารพร้อมกับจิบสุรารสเลิศ (ทำนองนั้น)
ทุกอย่างสั่งปิ้งย่างได้ตามใจชอบครับ
รอบแรกนี่ผมลองสั่ง “หมูสามชั้นย่าง” (กำลังลดความอ้วนพอดี) “หอยเชลล์” ที่สั่งตรงมาจาก Hokkaido แล้วก็ “เนื้อวากิว” มาลองทดสอบดูก่อนครับ ตอนหลังว่าจะมาเก็บ “ท้องปลาแซลมอน” ก็ดันลืมซะได้ เพราะมัวติดใจกับหอยเชลล์สุดอวบจึงสั่งมาซ้ำอีกสองไม้ อยากบอกว่าพอเริ่มอิ่มถึงได้รู้สึกว่าหอยตัวใหญ่มากครับ ทานแต่ละตัวแทบจุก รู้อย่างนี้สั่งเพิ่มไม้เดียวก็คงพอ แต่อร่อยหวานสมเป็นหอยใหญ่จากญี่ปุ่นเลยเชียว
Izakaya & Robatayaki Menu :
เนื้อย่าง / Wakyu Skewer
หอยเชลล์ย่าง / Hotate Skewer
ปลาซัมมะย่างเกลือ / Samma
ปลาไข่ย่างเกลือ / Shishamo
ไก่ยากิโทริ / Chicken Yakitori
เห็ดหอมสดย่าง / Shitake
เห็ดนางรมหลวงย่าง / Oyster Mushroom
เบคอนพันไข่นกกระทา / Quail Egg with Bacon
เบคอนพันหน่อไม้ฝรั่งย่าง / Asparagus with Bacon
เบคอนพันมะเขือเทศย่าง / Tomato with Bacon
ต้นหอมญี่ปุ่นย่าง / Negi
ปีกกลางย่าง / Chicken Wing
ท้องปลาแซลมอนย่าง / Salmon Harazu
เบคอนพันเห็ดเข็มทองย่าง / Enogi Bacon
หมูสามชั้นย่าง / Buta Bara
กระเทียมตุ๋นย่าง / Garlic
กระเจี๊ยบย่าง / Okra
“Sirloin Steak” ตัวโชว์ครับ — ตอนเสิร์ฟจะใส่จานปกติพร้อมผักและโรยต้นหอม
ต่อมาเป็น”เทปปันยากิ (Teppanyaki)” ที่เชฟจะปรุงอาหารโชว์บนกระทะเหล็กแบน มีเนื้อสัตว์ให้เลือกสามอย่าง เป็นอีกซุ้มที่มาแล้วแนะนำให้มาสั่งนะครับ ตรงนี้หากคนเยอะคงต้องรอสักนิดนึงกว่าจะทำเสร็จ
“Teppanyaki” พร้อมทำสดแล้วส่งถึงโต๊ะครับ
อันนี้ภรรยาของผมลองสั่งเป็นเมนูเนื้อสันนอก “Sirloin Steak” ครับ ท่าทางจะติดใจจนต้องไปสั่งมาอีกจาน เห็นบอกว่าชอบมากกว่า “เนื้อวากิวเสียบไม้ย่าง” ที่ผมสั่งมาเสียอีก ก็อร่อยจริงล่ะ เนื้อนุ่มมากครับ แต่คิดว่าที่เอามาทำ Teppanyaki ไม่น่าจะเป็นเนื้อวากิว ยังไงลองสั่งทั้งสองอย่างแล้วเทียบกัน ลองมาดูว่าจะเห็นด้วยกับกวางน้อยของผมรึเปล่านะครัช #พ่อบ้านใจกล้า
Teppanyaki Menu :
สเต็กไก่ / Chicken Steak
สเต็กหมู / Pork Steak
สเต็กเนื้อสันนอก / Sirloin Steak
“Takoyaki” หรือขนมครกญี่ปุ่นไว้ทานเล่น
ก่อนกลับเข้าไปต่อข้างใน ด้านนอกก็จะมี “Takoyaki” ที่ทำให้ใหม่ร้อนจากเตา หากใครชอบเจ้าขนมครกนี่ก็เดินออกมาสั่งได้เลยนะครับ
“Japanese Cheese Cake”
พออิ่มก็เริ่มเข้าสู่โหมดขนมหวานครับ มีให้เลือกมากพอสมควรเลย ทางห้องอาหารจะพยายามทำออกมาให้อารมณ์ไปทางขนมหวานแนวญี่ปุ่น เป็นอีกส่วนที่สำคัญช่วยเสริมเติมเต็มไลน์บุฟเฟ่ต์ให้สมบูรณ์ หากต้องการสะใจและเต็มอิ่มกับขนมหวาน ผมแนะนำให้ไปลอง “บุฟเฟ่ต์ขนมหวานกาสะลอง” โดยตรงจะดีที่สุดครับ — หากสนใจลองดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ตามลิงค์ด้านล่างครับ
“บุฟเฟ่ต์ขนมหวานกาสะลอง” สวรรค์ของคนรักความหวาน — “ดาราเทวี เค้กช็อป / ดาราเทวี เชียงใหม่”
ไอติมมีให้เลือกสองอย่าง เป็นชาเขียวกับวานิลา เอามาทานกับขนมหวานกำลังดีครับ ถ้าไม่นับ Macaroon ซึ่งเป็น Signature ของดาราเทวีแล้ว ผมขอยกให้ “Cream Caramel” ชนะเลิศครับ ขนมหวานธรรมดาแต่จัดไปสองรอบเลยทีเดียว
Dessert Menu :
Miso Macaroon
White Chocolate & Wasabi Macaroon
Cream Caramel
Japanese Cheese Cake
Sesame Panna Cotta
Macha Red Bean Cake
Sake Mousse
Red Bean Macha Mocha
Apple Wasabi with Sable
Mango Roll
Assorted Ice-cream
สำหรับบุฟเฟ่ต์คืนนี้สรุปว่าอิ่มเกินพิกัด แต่ก็ยังทานได้ไม่ครบทุกอย่างครับ เหลืออีกหลายเมนูทีเดียวที่ยังไม่ได้ลอง ผมว่าคงต้องจัดสักสองรอบถึงจะชิมได้อย่างทั่วถึง หากพูดถึงความคุ้มค่า ส่วนตัวผมเองคิดว่าถึงเป้าตั้งแต่ Sushi และ Sashimi แล้วล่ะครับ ไม่ว่าความสดและก็ความหลากหลายของปลาดิบ โดยเฉพาะบางรายการหาทานได้ค่อนข้างยากในเชียงใหม่ เรื่องราคาก็ไม่เถียงว่าค่อนข้างสูงเล็กน้อยแต่ก็สมราคาตามระดับของ “ดาราเทวี เชียงใหม่” ครับ
สุดท้ายก่อนจากกันวันนี้ ขอขอบคุณ “ห้องอาหารญี่ปุ่นเรน ดาราเทวี” และ “โรงแรมดาราเทวี เชียงใหม่” สำหรับประสบการณ์บุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่นระดับห้าดาวอีกครั้งนะครับ
Ren – Japanese Buffet :
ราคาต่อท่าน (รวมเครื่องดื่ม ได้แก่ น้ำเปล่า น้ำผลไม้ ชาเขียว) : 1,250++ บาท หรือประมาณ 1,470 บาท
เวลา : 18.00 น. – 22.00 น. / เฉพาะวันศุกร์และเสาร์สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม : +66 (053) 888 888
สำหรับงานถ่ายภาพเพิ่มเติม สามารถแวะไปชมที่เว็บถ่ายภาพของผมได้นะครับ
Link : http://www.warodomphotography.com
(พื้นที่โฆษณา) ขอฝากไว้ในอ้อมใจด้วยนะครับ :
FB : http://www.facebook.com/oatenroute
Instagram : http://www.instagram.com/oatenroute
ชมภาพสามารถดูได้จาก Thumbnail ด้านล่างครับ