กาลครั้งหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ที่ “Hong Kong Disneyland”
— วันที่ 3 : ส่งท้ายความมหัศจรรย์กับดินแดนแห่งเวทมนตร์
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เผลอนิดเดียวก็จวนได้เวลาอำลาทริปนี้แล้วครับ วันสุดท้ายก่อนกลับเมืองไทยก็จะย้อนกลับเข้าไปใน Hong Kong Disneyland เพื่อเก็บตกกันอีกครั้ง รวมไปถึงซื้อของฝากลูกและคนทางบ้าน อันนี้ขาดไม่ได้เลยสำหรับพ่อบ้านใจกล้าที่หนีมาเที่ยวคนเดียว

สำหรับเช้าวันนี้เราจะเปลี่ยนมาทานกันที่ “Chef Mickey” ห้องอาหารเช้าของ Disney’s Hollywood Hotel ที่เราพักอยู่ ซึ่งราคา buffet จะถูกกว่าของเมื่อวานที่ “Enchanted Garden Restaurant – Hong Kong Disneyland Hotel” เล็กน้อย ทั้งนี้โดยรวมอาหารจะไม่ต่างกันมากเท่าไหร่ เพียงแต่จะมีเพียง Chef Mickey เท่านั้นมารอต้อนรับเท่านั้น ในขณะที่เมื่อวานมากันครบทีม แล้วก็แต่ละโต๊ะจะได้บัตรคิวเพื่อต่อแถวถ่ายรูปกับ Chef Mickey ในชุดพ่อครัว (ถ้าจำไม่ผิดน่าจะได้เพียงครั้งเดียว) ยืนรออยู่ที่บริเวณทางออกให้ถ่ายรูป โดยไม่ได้เดินไปทั่วตามโต๊ะทานข้าว โดยส่วนตัวสรุปแล้วถ้าเน้นทานอาหารจะไม่ต่างกันเท่าไหร่ แต่ถ้าอยากเจอแบบฟูลทีมต้องนั่งรถข้ามฟากไป Hong Kong Disneyland Hotel จะดีกว่า ยอมจ่ายเพิ่มแต่จัดเต็มกับ Disney Characters ครบทีมเลยครับ
เสร็จจากตรงนี้ พวกเราก็ต้องขึ้นไปเก็บกระเป๋าให้เสร็จ เพื่อที่ว่าจะได้พร้อมสำหรับขึ้นเครื่องบิน รวมถึงต้องเช็คเอาท์ก่อนสิบโมง โดยทางโรงแรมจะมีบริการห้องฝากกระเป๋าอยู่บริเวณประตูทางเข้าโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ สำหรับอำนวยความสะดวกกับแขกที่จะเข้าไปในสวนสนุก จะได้ไปเล่นได้อย่างไม่ต้องกังวลอะไร

ตอนแรกวันนี้ผมกะว่าจะขอแยกตัวไปทานติ่มซำกับตากล้องสายดราม่าคนดังบนเกาะฮ่องกง แต่สุดท้ายเปลี่ยนแผนเพราะต้องไปเก็บตกบางส่วนที่ค้างไว้เมื่อวานครับ ดังนั้นเมื่อทานข้าวเช้าและเคลียร์ของเสร็จเราก็นั่งรถกลับไปดิสนีย์แลนด์เป็นวันที่สามติดต่อกัน ถือว่าเป็นครั้งแรกเลยที่เที่ยวสวนสนุกจัดเต็มขนาดนี้ ปกติทั่วไปก็เที่ยวเล่นทั้งวันเช้าถึงเย็น แต่ก็ดีเพราะแทบจะเก็บได้ครบทุกมุมเลยทีเดียว แถมอันไหนชอบเป็นพิเศษก็ซ้ำได้จนพอใจ

เครื่องเล่นอีกอย่างที่รอบนี้ไม่ได้เล่น แนะนำทางนี้เลย “Jungle River Cruise” ซึ่งเป็นอีกอันที่ผู้ใหญ่เล่นได้และเด็กชอบ อารมณ์เหมือนได้ล่องเรือไปในป่าอเมซอนประมาณนั้น อยู่ในส่วน Adventureland สมัยผมเด็กๆ เป็นเครื่องเล่นโปรดที่สุดอันนึงเลย เพราะว่าเวลาล่องไปก็จะเจอสิงสาราสัตว์มากมาย และก็ทำค่อนข้างเหมือนจริงมากๆ ที่สำคัญก็ไม่โลดโผนเกินไปสำหรับวัยเด็กหรือสูงวัยที่ไปด้วยกันครับ สำหรับล่องเรือที่นี่ก็มีการปรับปรุงจากของ Tokyo Disneyland และ Disneyland ที่เมกาเล็กน้อย แต่โดยรวมก็เหมือนกัน เพียงแต่ปรับปรุงและเพิ่มบางอย่างเข้าไปให้สมบูรณ์และมีสีสันมากขึ้นครับ
เพิ่มเติม : http://www.hongkongdisneyland.com/attractions/jungle-river-cruise
เมื่อล่องเรือเสร็จก็ปรึกษากันว่าอยากเล่นอะไรอีก เผอิญว่าส่วนใหญ่พวกเราเล่นของสำคัญแทบครบหมดแล้ว เลยสรุปว่าแยกย้ายตามอัธยาศัย เผื่อใครจะซื้อของฝากก็ได้ แต่ไกด์ประจำถิ่นสุดน่ารักแนะนำว่าไปหม่ำของอร่อยกันส่งท้ายดีกว่า ซึ่งเป็นที่ถูกใจลูกทัวร์ทุกคนเป็นอย่างมาก (สังเกตได้จากสีหน้าและน้ำเสียง) พวกเราเดินย้อนกันไปที่ Main Street, U.S.A. ซึ่งจะมีร้านรวงและร้านอาหารตลอดทั้งแนว ปกติเวลาเที่ยว Disneyland ที่อื่นๆ ผมไม่ค่อยได้แวะร้านอาหารเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะกินหรือซื้อจากรถเข็นข้างทางหรือศูนย์อาหารเสียมากกว่า มารอบนี้ถือว่าเปิดตาและฟินเฟร่อเป็นอย่างมาก เป็นการเที่ยวดิสนีย์ที่เก็บรายละเอียดได้แทบครบเลยครับ แบบว่าประทับใจมากจนตอนนั้นคิดว่าจะพาลูกชายมาเที่ยวในเร็ววันอย่างแน่นอน เนื่องจากรอบนี้หนีมาคนเดียวจึงรู้สึกผิดเล็กน้อย

ที่หมายพวกเราอยู่ที่ “Market House Bakery” ซึ่งเป็นร้านขนมอเมริกันสไตล์ดั้งเดิม ได้แก่ ทาร์ต พาย แซนวิช ของหวานต่างๆ และกาแฟ ปกติแค่เดินผ่านไม่ค่อยได้เข้าไปดู มัวแต่ห่วงว่าจะไม่ได้เล่นเครื่องเล่น รอบนี้มีเวลาเหลือเฟือพอสำรวจแถมได้ชิมกันอีกด้วย ว่าแล้วก็ปล่อยให้ทีมสาวๆ เขาชี้ว่าอยากทานอะไรกันบ้าง ส่วนผมมีหน้าที่ชิมและเพิ่มนำ้หนักอย่างเดียว ทุกอย่างน่าทานไปหมดจนไม่รู้จะเลือกอะไร แต่พอพนักงานเสิร์ฟเท่านั้นล่ะ จากน่าหม่ำเลยไม่กล้าจะกินกันเลย เพราะที่เลือกมานี่น่ารักเกินพิกัดจริงๆ ทุกคนเก็บภาพขนมกันพอประมาณ พอถึงเวลากินกลับไม่มีใครกล้าเปิดก่อน เนื่องด้วยความน่ารักอย่างที่เห็นกัน นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นครับ ที่เหลือก็มีขนมน่าอร่อยอีกเพียบ แต่พวกเราคัดมาแต่ที่หน้าตาจิ้มลิ้มไว้ก่อน เดี๋ยวเรื่องรสชาติค่อยว่ากันทีหลัง ประมาณว่าหน้าตาดีมีชัยไปกว่าครึ่ง
หลังจากทานขนมกันพออิ่มท้อง พวกเราก็มีนัดเข้าเมืองกัน ผมกะว่าจะไปเดินซื้อของในเมืองฝากภรรยาคนสวยเสียหน่อย พ่อบ้านใจกล้าอย่างผมกลับบ้านมือเปล่าคงได้นอนนอกห้องเป็นแน่แท้ แต่ปัญหามันมีอยู่ว่าผมไม่ค่อยชำนาญฮ่องกงเท่าไหร่ ก่อนมาเที่ยวก็ไม่ได้วางแผนเตรียมพร้อมเรื่องข้อมูลแม้แต่น้อย เพราะตั้งใจว่าจะลุยแต่ใน Disneyland อย่างเดียว ครั้งหลังสุดที่มาเที่ยวก็ย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยวัยฮอร์โมนมัธยมปลายกันทีเดียว (ตอนนี้ฮอร์โมนใกล้หมดล่ะ) ตอนนั้นมากับทัวร์ก็ไม่ค่อยรู้อะไรเช่นกัน กลัวว่าไปแล้วเกิดมั่วหลงทางอาจตกเครื่องไม่ได้กลับเมืองไทย จึงขอพ่วงเพื่อนในกลุ่มผู้ชำนาญทางกว่าไปดีกว่า ระหว่างนี้ก็เลยนัดเวลากันไปเล่นเครื่องเล่นที่ตกค้าง ก่อนกลับมาเจอและเข้าเมืองพร้อมกัน ส่วนผมช่วงที่รอก็ดูของที่ระทึกให้ลูกชายไปก่อนครับ

บ่ายโมงตรงได้เวลารวมพลออกไปสำรวจนอก Disneyland เสียที หลังจากที่ผ่านมาวันที่สามก็อยู่แต่ในบริเวณ Hong Kong Disneyland Resort อย่างเดียว การเดินทางเข้าไปฝั่งฮ่องกงค่อนข้างสะดวกครับ จากเกาะ Lantau ที่เราอยู่ (รวมไปถึงสถานที่ตั้งของสนามบินด้วย) สามารถเดินทางข้ามฟากด้วยรถยนต์ แต่สะดวกสุดเห็นจะเป็นระบบขนส่งมวลชนรถไฟฟ้า MTR – Mass Transit Railway อย่างที่ทราบและนิยมกันครับ สำหรับคนที่มาเที่ยวเล่น Disneyland นี่ยิ่งไม่ต้องกังวลเลยครับ หากพักอยู่ฝั่งฮ่องกง สามารถนั่งรถไฟฟ้ามาลงที่ปากทางเข้าสวนสนุกได้เลย ซึ่งมีปลายทางที่ Disneyland Resort Station ภายในรถโดยสารบนเส้นทาง Disneyland Resort Line สายพิเศษที่เชื่อมต่อแยกออกมาจากระบบรถไฟฟ้าสายหลักจากสถานี Sunny Bay

ซึ่งถ้าใครมือใหม่แบบผม แนะนำว่าให้ไปที่เว็บทางการของ MTR – http://www.mtr.com.hk – เพื่อใช้เป็นแนวในการเดินทางได้ เพียงแต่ใส่สถานีต้นทางและปลายทาง ระบบก็จะคำนวณบอกให้หมดว่าต้องนั่งรถไฟฟ้าเส้นทางใด (ซึ่งแยกสายเป็นสีอย่างชัดเจน) แล้วต้องต่อไปยังเส้นทางใดบ้าง พร้อมบอกเวลาที่ใช้เดินทางเสร็จสรรพ เพียงแต่ไปแล้วออนไลน์ได้ก็ง่ายไปหมด
อีกหนึ่งความตั้งใจหรือความฝันของผมนอกจากการที่มีโอกาสมานอนใน Disneyland Resort ก็คือ รถไฟฟ้าขบวนพิเศษอย่าง Disneyland Resort Line นี่ล่ะครับ เคยเห็นแต่ในรูปมานานแล้ว ในที่สุดโอกาสก็มาถึงเสียที ตั้งแต่ที่ได้เห็นครั้งแรกก็ชอบการตกแต่งภายในขบวนรถไฟ ที่เริ่มตั้งแต่หน้าต่างเป็นหัว Mickey Mouse รวมไปถึงห่วงจับก็เช่นกัน ได้มาลองโดยสารและเห็นกับตาก็ถือว่าเสร็จภารกิจไปอีกอย่างแล้วครับ มาสมหวังที่ Hong Kong Disneyland นี้เอง
เนื่องจากขบวนของเราจะเป็นเส้นทางสายพิเศษ ดังนั้นคนก็จะไม่หนาแน่นมาก เว้นเสียแต่ช่วงเวลาเปิดหรือปิดของสวนสนุกที่ดูแล้วท่าทางจะเบียดกันไม่ใช่น้อย ซึ่งพวกผมโชคดีหน่อยที่ได้พักภายในบริเวณ Disneyland Resort ก็เลยไม่ต้องเหนื่อยกลับไปในเมืองหรือเบียดฝูงชนตอนหลังสวนสนุกปิด

จุดเริ่มต้นของรถไฟฟ้าขบวนนี้ตั้งอยู่บริเวณป้ายปากทางเข้า Hong Kong Disneyland ซึ่งเป็นสถานี Disneyland Resort นั่นเอง หากต้องการเดินทางเข้าเมืองก็กลับไปเชื่อมต่อที่สถานี Sunny Bay แล้วค่อยต่อเข้ากับรถไฟฟ้าสายหลักไปยังเส้นทางต่างๆ หรือถ้าของไม่เยอะนะครับ จากโรงแรมที่ผมพักก็สามารถนั่งรถ Shuttle Bus แล้วมาต่อรถไฟฟ้า Disneyland Resort Line เพื่อเดินทางไปยังสนามบินได้เช่นกันครับ

เมื่อกลับเข้าสู่โลกแห่งความเป็นจริง รถไฟฟ้าสายทั่วไปก็จะประมาณนี้ล่ะครับ แต่ช่วงนี้ดูแล้วก็ยังโอทีเดียว ภายในค่อนข้างใหม่ ต่างจากบางสายภายในเมืองที่ขบวนรถไฟก็ดูสมบุกสมบันเอาเรื่องตามสภาพ

ผมก็เดินตามขบวนเพื่อนๆ ไปในเมืองครับ โดยตั้งใจว่าจะไปไหว้ศาลเจ้าจีนแถวสถานี Hung Hom ซึ่งผมก็อยากตามไปดูด้วย เผื่อมีมุมน่าสนใจได้ถ่ายรูปกลับมาบ้าง ระหว่างทางผมก็พยายามจำเส้นทางไว้ เผื่อจะแยกกลับไปซื้อของฝากทางบ้านเองก็จะได้ไม่หลงครับ แต่สุดท้ายแล้วการเดินทางใช้เวลามากกว่าที่คิดพอสมควร เพราะว่าช่วงที่เดินทางในเมืองนี่จะมีสถานีค่อนข้างถี่ และก็ระหว่างรอเปลี่ยนเส้นทางบางทีก็ใช้เวลาเหมือนกัน สุดท้ายคำนวณแล้วก็เลยกะว่าพอถึงศาลเจ้าแล้วจะขอแยกกลับเลย เผื่อจะได้ไปดูของที่ระลึกใน Disneyland อีกรอบทิ้งทวนครับ
สุดท้ายกลายเป็นว่านั่งรถไฟฟ้าทัวร์รอบเมืองอย่างเดียว จากต้นทางเริ่มออกเดินทางประมาณบ่ายโมงพอดี กว่าจะเดินทางมาปลายทางเพื่อไปไหว้ศาลเจ้าจีนก็บ่ายสองโมงกว่าแล้วครับ ใช้เวลาประมาณชั่วโมงพอดีเลย ผมจึงเปลี่ยนแผนกระทันหันไม่ซื้อของอะไรแล้ว กลับไปลุยที่ในดิสนีย์อย่างเดียวดีกว่า ขืนชักช้าอาจจะกลับไปขึ้นเครื่องไม่ทัน เพราะต้องไปแวะทานข้าวก่อนกลับด้วย แต่รอบนี้บินเดี่ยวกลับไปอีกทางนึงเหมือนวนเป็นวงแหวน เปิดแผนที่ดูแล้วไม่ค่อยยากเท่าไหร่ ขากลับเหมือนใช้เวลาพอกัน รวมไปกลับสองชั่วโมงกว่า แต่ก็ถือว่าได้ลองนั่งรถไฟฟ้าแล้ว กลับมารอบหน้านี่ลุยเองได้ไม่ต้องกังวลแน่นอนครับ ครั้งนี้ถือว่าโชคดีที่มีเพื่อนพาลุย ถ้ามาเองก็คงพอไหวแต่มัวงมดูแผนที่ โดยเฉพาะเวลาสับเปลี่ยนสถานีที่ต้องเดินขึ้นลงบันไดวุ่นวายพอควรคงเสียเวลามากกว่านี้แน่นอน

หลังจากแยกทางกับเพื่อน ก็กลับมาถึง Disneyland เกือบสี่โมงเย็นล่ะครับ แสงกำลังงามพอดี หิวข้าวมากเพราะตั้งแต่ทานขนมตอนสายแล้วไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย พอดีวันนี้เราไมมีโปรแกรมทานร้านอะไรเป็นพิเศษ จึงได้รับคูปองอาหารมาหนึ่งชุดครับ สามารถเลือกทานตามศูนย์อาหารต่างๆ ภายใน Disneyland ได้ตามใจชอบ ตระเวนดูแล้วก็มาจบที่ Comet Cafe บริเวณโซน Tomorrowland ซึ่งเป็นอาหารจีน คิดแล้วน่าจะค่อนข้างถูกปากและทานง่ายสุดครับ
ตามศูนย์อาหารต่างๆ ก็จะให้บริการอาหารหลากหลายต่างกันไป เช่น อาหารตะวันตก หรืออาหารนานาชาติ รวมไปถึงอาหารจีนที่ผมได้เลือกทานครับ ซึ่งจะเป็นแนวอาหารจานด่วน (Quick Service) คล้ายกับบ้านเราที่ไปต่อคิวและก็สั่งอาหาร บริการด้วยตัวเองเสร็จสรรพ แต่ก็จะบริการค่อนข้างเร็วและอาหารรสชาติใช้ได้เลย ที่สำคัญราคาไม่โหดจนเกินไปครับ
อย่างที่ผมเลือกทานเป็นข้าวหน้าไก่ซีอิ๊วก็ฝากท้องได้เลย จานใหญ่มากสามารถทานได้สองคนเลย ผมนี่ทานเกือบไม่หมดครับ สำหรับใครที่ไม่รีบร้อนแล้วอยากนั่งสบาย ก็สามารถเลือกร้านอาหารนั่งโต๊ะเป็นทางการ ซึ่งมีให้บริการทั่วตามโซนต่างๆ แต่ราคาก็อาจแพงขึ้นไปอีกหน่อย
ข้อมูลเพิ่มเติม : http://www.hongkongdisneyland.com/dining/
อย่างมื้อนี้พอสั่งเสร็จก็นั่งทานเลยไม่ต้องเสียเวลารอ รีบทำเวลาเพื่อจะได้รีบซื้อของฝากเป็นเฮือกสุดท้ายครับ มัวแต่เล็งมาหลายวันยังไม่ได้ซื้อเสียที ระหว่างทางก็จะผ่าน “Starliner Diner” ศูนย์อาหารอีกแห่งในโซน Tomorrowland อันนี้ก็จะเป็นศูนย์อาหารอยู่ในร่มและขนาดใหญ่กว้างขวาง จะให้บริการอาหารสไตล์ตะวันตก มีพวกเบอร์เกอร์ทำนองนี้ครับ

ย้อนกลับมาถึง Main Street, U.S.A. อีกที ตรงนี้ล่ะครับเป็นจุดที่สามารถช้อปปิ้งกันได้อย่างจุใจเต็มอิ่ม ตั้งแต่หัวถนนเป็นแนวยาวไปจนใกล้ทางออกสวนสนุก ของทุกอย่างส่วนมากหาซื้อได้ตรงนี้เลยครับ ขนาดผมเป็นผู้ชายที่ไม่ค่อยชอบซื้อของ มาถึงตรงนี้เหมือนโดนเวทมนตร์ดึงดูด เห็นอะไรก็อยากได้ไปหมด งานนี้ได้ของฝากลูกชายเยอะกว่าชาวบ้าน แบบว่ารูดบัตรจน “ตะเตือนใต” ป๊ะป๋าเป็นอย่างมาก แต่ก็คุ้มมากครับกับรอยยิ้มลูก โดยเฉพาะตอนเปิดกระเป๋าเอาของให้นี่ทำเอาแก้มแทบปริไปถึงรูหู
พอเสร็จสิ้นจากภารกิจของฝากลูกและคนในครอบครัว (ของตัวเองไม่ได้อะไรเลย) ก็ต้องรีบจ้ำเพื่อกลับไปยัดใส่กระเป๋าอย่างไม่คิดชีวิต เพราะอีกสิบนาทีเท่านั้นจะถึงเวลานัดรถมารับที่โรงแรมครับ โชคดีกลับมาถึงโรงแรมแบบเส้นยาแดงผ่าสิบเกินเวลามาห้านาทีพอบาปสักเล็กน้อย เสียดายมัวแต่เก็บของก็เลยไม่ทันได้เก็บภาพบรรยากาศภายด้านนอกโรงแรม

จากโรงแรมที่เราพัก Disney’s Hollywood Hotel ไปยังสนามบินก็ใช้เวลาไม่นานนัก ประมาณ 20-30 นาที ในกรณีที่เดินทางเองสามารถเรียกรถ Taxi ตกประมาณ 500 บาท (เมื่อตีเป็นเงินไทย) พอไปถึงก็โหลดกระเป๋าแล้วก็ไปรอบริเวณ Gate อยู่นานพอสมควร สามารถเดินช้อปปิ้งได้ตามสะดวก หรือว่าถ้าหิวก็พอหาอะไรทานไม่ยากนักครับ ประมาณทุ่มกว่าเราก็ขึ้นเครื่องกลับเมืองไทยเสียที โดยผมจะไปแวะดอนเมืองหนึ่งคืน เนื่องจากว่าถ้าบินตรงกลับเชียงใหม่มีเพียงเที่ยวบินตอนช่วงเที่ยง ซึ่งทำให้เวลาเที่ยวน้อยไปหน่อย ก็เลยยอมอ้อมและค้างคืนกรุงเทพดีกว่า เสียดายเที่ยวบินตรงกลับไปเชียงใหม่น่าจะออกหัวค่ำหรือเย็นอีกนิดจะดีมากเลยสำหรับคนไทย
อาหารบนเครื่องขากลับนี่เกินอิ่มครับ ต้องขอบคุณทาง “ไทยแอร์เอเชีย” เป็นอย่างมาก ที่เลี้ยงดูปูเสื่อเป็นอย่างดี รวมไปถึงอำนวยความสะดวกตลอดทริปนี้ อาหารมีข้าวกะเพราะไก่ แบบว่ารสชาติถือว่าอร่อยเอาใจคนไทยสุดๆ เผ็ดมากจนทานแทบไม่ไหว (ร้องไห้หนักมาก) ทำเอาน้ำหูน้ำตาจะไหลกันเลยทีเดียวจนผมต้องสั่งน้ำดื่มมาทานเพิ่มเป็นพิเศษ แต่สำหรับคนทานเผ็ดและมาเที่ยวเมืองนอกจนคิดถึงอาหารไทยก็คงไม่ผิดหวังครับ ส่วนผมนี่รอบหน้าคงเลือกเมนูที่เผ็ดน้อยกว่านี้นิดนึง แล้วตบท้ายด้วยข้าวเหนียวมะม่วงที่ผมฟาดจนไม่เหลือแบ่งใคร

ใช้เวลาเดินทางมากกว่าเชียงใหม่เล็กน้อยครับ ประมาณสี่ทุ่มก็กลับมาถึงสนามบินดอนเมือง ผมก็ค้างอยู่ที่โรงแรมแถวนี้ไม่ไปไกล ตัดภาพมาที่เช้าวันรุ่งขึ้นเลยนะครับ ตื่นมาก็รีบทานอาหารเช้าโรงแรมก่อนที่จะเดินทางกลับเชียงใหม่อีกที
พอขึ้นเครื่องก็เจอ “คุณนิ้ง” แอร์ในตำนานคนสวยของไทยแอร์เอเชียครับ แฟนละครวัยเดียวกับผมนี่รู้จักแน่นอน ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปกี่ปีแล้ว แต่ก็ยังสวยเหมือนตอนอยู่ในวงการเลยครับ ผมพยายามคิดที่จะรวบรวมความกล้าไปขอถ่ายรูปคู่เป็นที่ระทึก (สวมวิญญาณพ่อบ้านเมียเผลอ) ระหว่างที่ลังเลว่าจะลุยดีรึเปล่าก็มีพนักงานภาคพื้นดินมาขอถ่ายรูปด้วยในฐานะรุ่นน้องสายการบินเดียวกัน จนสุดท้ายก็เงิบไม่ทันได้ขอล่ะครับด้วยความเกรงใจ
บนเครื่องช่วงที่ผมเดินทาง ในหนังสืออ่านฟรีบนเครื่องบิน “3sixty” ของสายการบินก็จะมีเรื่องราวน่าสนใจมากมายครับ คอยแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ มากมาย ถ้ายังไงก็ลองเปิดอ่านดูได้นะครับ
ในที่สุดการเดินทางก็จบลงด้วยความประทับใจมากๆ จนผมได้วางแผนเพื่อพาลูกผมกลับไปเที่ยว Hong Kong Disneyland ด้วยกันอีกรอบ (เตรียมอ่านตอนต่อไปเร็วนี้นะครับ)
ขอบคุณทุกท่านเป็นอย่างมากที่มาแวะและอ่านกันจนจบตอนสุดท้าย ยังไงสามารถ Follow กันได้บน WordPress นี้ได้จากแถบด้านขวามือ Following “Oat en route” หรือติดตามบน Facebook Page – www.facebook.com/oatenroute – อีกหนึ่งช่องทางเช่นกันครับ
สุดท้ายขอขอบคุณ “Hong Kong Fanclub” แหล่งรวมข้อมูลแบบเจาะลึกทุกอย่างเกี่ยวกับฮ่องกง โดย “ลุงเด้งและป้าไก่” และ “Thai Air Asia” ที่คอยดูแลอย่างดีและชวนมาเป็นส่วนหนึ่งของทริปอันน่าประทับใจนี้ด้วยครับ
Millions thanks to “Hong Kong Disneyland” for this wonderful trip. And special thanks to “Rae”, my loveliest new friend for a warm welcome during the magical time in Disneyland.
(พื้นที่โฆษณา) ขอฝากไว้ในอ้อมใจด้วยนะครับ :
FB : http://www.facebook.com/oatenroute
Instagram : http://www.instagram.com/oatenroute
เชิญชม Gallery แบบจัดเต็มด้านล่างเลยครับ